ทำไมนศ.ชอบเรี่ยไรเงินเพื่อสร้างห้องสมุดคะ?

ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยค่ะ แล้วบ่อยครั้งที่เจอนศ.หลายสถาบันถือกล่องมาร้องเพลงเรี่ยไรเงินไปบริจากสร้างห้องสมุด เลยสงสัยว่ามันเป็นกิจกรรมบังคับที่ทุกมหาลัยต้องทำรึเปล่าคะ?

แล้วทำไมต้องสร้างห้องสมุด? มหาลัยบังคับว่าต้องเป็นสร้างห้องสมุดเท่านั้นรึเปล่าคะ ไปทำอย่างอื่นได้ไม๊คะ? คือถ้าเป้นกิจกรรมบังคับก็อยากไปทำอย่างอื่นที่ไม่เคยเห็นบ้างค่ะ เช่น บริจากเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ทหารผ่านศึก สบทบทุนช่วยเหลือเต่าทะเล กองทุนรักษาช้างบาดเจ็บ รึอะไรทำนองนี้ ให้มันดูสร้างสรรค์ บอกตรงๆ เจอทีไรก็มีแต่ห้องสมุดเห็นแล้วเบื่อค่ะ ไม่อยากบริจาก เลยคิดว่าถ้าต้องทำ คงมีคนเบื่อเหมือนเราบ้างแน่ๆ เลย

ปล.กระทู้นี้ไม่ได้จะกวน หรือ ล่อเป้านะคะ สงสัยล้วนๆ
ปล2. จากหลายๆ กระทู้ เหมือนจะออกทะเล กลายเป็นเรื่องอยากบริจาก หรือ ไม่อยากบริจากไป ขอบอกให้ชัดๆนะคะ ว่า
   "แค่อยากรู้ว่าทำไมนศ.ต้องสร้างห้องสมุดเฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะบริจาก หรือ ไม่" อันนี้ออกทะเลแล้วค่ะ ไม่อยากให้ทะเลาะกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
1. เป็นวิชาจริยธรรม บังคับต้องทำประโยชน์ให้สังคม หรือต้องออกค่าย ถ้าไม่ทำไม่จบ บางที่ให้เกรดบางที่ไม่มีเกรด
2. มันคิดง่ายดี แต่แทบไม่ได้ประโยชน์เพราะห้องสมุดจะต้องมีการดูแลรักษาตลอด ถ้าเกิดเป็นโครงการต่อเนื่อง ถือว่าเยี่ยม (แต่เท่าที่เห็น ไม่ค่อยมี)
หนังสือในห้องสมุดต้องอัพเดทเสมอ และ เปลี่ยนหนังสือที่ขาด บำรุงรักษาหนังสื่อต่างๆ
ถ้าเป็นโครงการทำให้้แล้วจบ ซักพักห้องสมุดจะกลายเป็นอย่างอื่นเช่น ห้องเรียน หรือ ห้องสันทนาการ เนื่องจาก หนังสือไม่ค่อยอัพเดท
และ บาง่มก็ผุพังตามการใช้งาน ยิ่งเปิดบ่อยยิ่งพังเร็ว

ไม่ใช่ไม่สนับสนุนนะ แต่อยากให้ดป็นโครงการต่อะนื่อง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
บอกตรงๆนะครับ ผมเองก็ไม่ชอบการเรี่ยไรเหมือนกัน
มันเหมือนเราสร้างวัฒนธรรม "การขอเงิน" มากกว่า"การหาเงิน"

ส่วนใหญ่ถ้าผมเจอนักศึกษามาเรี่ยไร ผมจะแนะนำให้ลงทุนทำขนม หรือทำสินค้าน่ารักๆขาย
แล้วโฆษณาว่า "ขนม-สินค้า เพื่อโครงการ...." แบบนี้จะดูดีกว่ามั้ย
คนที่อยากช่วย ก็จะได้ไม่ต้องแคลงใจ เพราะอย่างน้อย ก็ได้นำสินค้าไปใช้ หรือเก็บเป็นที่ระลึกว่าได้เคยมาบริจาค  แบบองค์กรส่วนใหญ่ทำกัน
ความคิดเห็นที่ 21
เป็นการสร้างนิสัย "แบมือขอ" โดยไม่มีความสร้างสรรค์ ที่เราไม่เคยให้การสนับสนุนเลยค่ะ

เคยเห็นเด็กๆโรงเรียนมัธยมจัดงานออกร้าน มีกิจกรรม ทำเงินเข้าโรงเรียนได้เยอะแยะ ไม่ใช่สักแต่ "แบมือขอ"

สังเกตดูได้ว่ากิจกรรมแบบขอเงินข้างถนน ตามสะพานลอย มันไร้ประโยชน์ต่อตัวนักศึกษาสิ้นดี บางคนใส่เสื้อยืด ยีนส์ขาด รองเท้าแตะ แต่มาหาเงินในนามองค์กรการศึกษาสำนึกจะแต่งกายให้ถูกต้องยังไม่มี นี่คือสิ่งดีๆหรือ?

บางคนเขย่าลูกแซคเป็นจังหวะดนตรีด้วยลูกแซคที่ทำจากกระป๋องเบียร์?!? ดูแล้วน่าหย่อนเงินไหม?

บ้างตะโกน หรือเรียกว่าแหกปาก ซ้ำไปซ้ำมา

อยากบอกน้องๆให้รู้ไว้ว่า วิธีการช่วยสังคมมีอีกมากมาย แค่การออกมาร้องรำทำเพลงแบมือขอเงินมันไม่เรียกว่า "การอุทิศตนเพื่อส่วนรวม" หรอกนะคะ มันก็เหมือนขอวณิพกนั่นแหละต่างแค่เอาเงินไปให้คนอื่น

เลิกเถอะน้องๆ ศึกษาวิธีดำเนินกิจกรรม การหารายได้เข้าส่วนกลาง และแนวทางการทำงานให้ดีกว่านี้แล้วลงมือทำ มันยังได้ความรู้ กลยุทธ์และความภาคภูมิใจกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 12
ผมคิดตรงกันข้าม กับหลายๆ ความเห็นนะ....

เจอเมื่อไหร่ ผมยินดีที่จะให้ ถ้ามีโอกาส เสมอๆครับ....

อย่างน้อยผมก็ได้ ร่วมอนุโมทนาบุญ และมีส่วนร่วมในการ สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้กับคนที่เค้าด้อยโอกาสกว่าเราถึงแม้จะไม่มากมายอะไร แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ...
ส่วนเค้าจะโกง หรือไม่อย่างไร ไม่ไปนั่งคิดหรอกครับ ถ้าบาปกรรมมันมี เดี๋ยวมันก็ไปตกกับตัวคนๆนั้นเองแหละ
ใครจะคิดว่าเกะกะขวางทางยังไง
อย่างน้อยก็ผมคนนึงล่ะ ที่ยัง เป็นกำลังใจ ให้น้องๆ จิตอาสา ที่คิดดี ทำดีกันทุกคน ก็แล้วกันนะครับ....

ร้อยยิ้ม คำขอบคุณ เวลาหยอดแบ็งค์ยี่สิบบ้าง แบ็งค์ร้อยบ้าง ใส่กล่อง ผมมักจำได้เสมอครับ...
ความคิดเห็นที่ 10
พูดแบบนี้ เด็กที่เป็นจิตอาสามาอ่าน จะรู้สึกเสียกำลังใจนะคะ

ส่วนตัว เป็นคนทำกิจกรรมและเรียนไปพร้อมๆกัน
ทราบมาว่า งบประมาณที่ทางมหาวิทยาลัยเตรียมให้
ไม่ว่าจะชั้นนำแค่ไหน ก็ให้ไม่พอความต้องการจริงๆค่ะ
หรือหากพอ คงเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่เหมือนกัน
หากเทียบกับการนำไปใช้สร้างห้องสมุด ๑ หลัง
ราคาไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะ พอๆกับการสร้างบ้านหลังเล็กๆก็ว่าได้

อีกอย่าง ที่บอกว่าให้ไปตั้งใจเรียน เพื่อให้ได้มีงานทำดีๆ นี่ก็เป็นเรื่องจริงค่ะ สนับสนุน
เราไม่จำเป็นต้องทุ่มด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้อีกด้าน หายไปเลย
ดิฉันหนึ่งในคนที่เคยเป็นเด็กค่ายอาสา มีสิ่งหนึ่งที่คอยสอนน้องๆและอยากจะบอกทุกคน

"ปริญญาสอนให้มีงานทำ กิจกรรมสอนให้ทำงานเป็น"
ความคิดเห็นที่ 8
ที่เราไปนี่ไม่มีใครบังคับค่ะ  ของเรามีไปทำฝายกั้นน้ำค่ะ  ไปอยู่กับชาวบ้านเลยค่ะ  
สมัครใจไปกัน  งบไม่พอด้วย  พวกคนจัดค่ายก็ต้องไปเรี่ยไรแบบที่เห็นกัน
เห็นเพื่อนเล่าว่า  นอกจากจะได้เงินมาลำบากแล้ว
คนส่วนมากไม่ค่อยเชื่อว่าเราเอาเงินไปทำค่ายจริงๆ

ทุกวันนี้เรียนจบมานานแล้ว  เห็นทีไรก็หย่อนให้ทุกที
เพราะเข้าใจเลยว่าเงินไม่กี่สิบบาทมันช่วยได้เยอะ
อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้คนทำอ่ะค่ะ

ส่วนทำไมต้องเป็นห้องสมุด  เพราะตามต่างจังหวัดบางที่ไม่มีอะไรเลยค่ะ
แล้วหนังสือเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความรู้
พอพวกเค้าเหล่านั้นมีความรู้  สามารถเอามาใช้หารายได้
เค้าก็จะได้ส่งต่อรายได้ไปให้กับโครงการแบบที่จขกทบอกไงคะ
เราต้องส่งเสริมให้ทุกคนช่วยเหลือตัวเองได้
ถ้าทุกคนทำงานมีอาชีพแล้วเค้าก็จะรู้จักแบ่งปันให้ส่วนอื่นๆต่อแบบที่เค้าเคยได้รับ
แค่มันมองไปในระยะยาวมากๆแค่นั้นเอง

ส่วนเรื่องเบื่อ  เราไม่เบื่อนะ
เราชอบ  ทุกครั้งที่เราเห็นคนมาเรี่ยไรก็จะให้ทุกครั้ง
ใจจริงอยากจะไปด้วยซ้ำ  แต่ด้วยหน้าที่การงานไปไม่ได้
เลยส่งเงินส่งใจไปให้แทน

ส่วนที่เจ้าของกระทู้คิดว่าสร้างสรรค์นี่เราว่าเค้ามีที่รับบริจาคของเค้าอยู่แล้วนะคะ
อย่างที่เคยเห็นเค้าขายดอกป๊อบปี้กันวันทหารผ่านศึก  หรือถ้าเคยไปดูเต่าทะเลก็จะมีกล่องบริจาคอยู่แล้วนะคะ
ถ้าเจ้าของกระทู้อยากบริจาคแบบนั้นนี่เราว่าหาที่บริจาคได้ไม่ยากเลยล่ะ  นักศึกษาเค้าคงไม่ต้องมาเรี่ยไรให้มั้งคะ
แต่ถ้าไปทำค่ายตามโรงเรียนด้อยโอกาสนี่  เราเห็นแค่พวกนศตามมหาวิทยาลัยต่างๆเท่านั้นอ่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่