เล่นหูเล่นตา : คืนสุดท้าย (II)
คืนสุดท้าย (II) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
“ 5-4-3-2 ปรบมือ ” เสียงพี่ยุทธ ฝ่ายดำเนินรายการจากบริษัท ไฮอัพ (High Up) คอยบอกคิวให้คนดูในห้องส่งปรบมือเมื่อเวลาของการถ่ายทอดสดรอบสุดท้ายได้เริ่มขึ้น .. เสียงพี่ยุทธทำให้ฉันตื่นเต้นทุกครั้ง เมื่อความสนุกเหนือความคาดหมายกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันกวาดสายตาไปที่คนดูและทีมงาน ความร่วมมือร่วมใจกำลังเริ่มขึ้นและจะสิ้นสุดลงภายในเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที … โจอี้บอย เปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ของตัวเองที่เป็นเพลงภาพยนตร์เรื่อง “ เคาท์ดาวน์ ” เพลง “ 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ” (ชื่อยาวได้อีก) ฉันดูภาพรวมโชว์แล้วขนมาทั้งแดนซ์เซอร์และสิงห์เหนือเสือใต้ อั่ม … เป็นคนขี้เหงาอยู่คนเดียวไม่ได้ มาคนเดียวไม่เป็น! ต้องขนสมุนและลูกหาบมาเป็นขบวน นี่ยังไม่รวมลูกทีมโจอี้อีกเป็นฝูงที่พร้อมใจกันนุ่งโจงสีแดงแปร๊ดมาร่วมร้องเพลง “ ยายสำอาง ” ที่โจอี้ต้องร้องคู่กับเก่ง แถมวันสุดท้ายเสื้อผ้าที่ดูแลโดย “ อัฐ ” (คนดูแลเสื้อผ้าคนเดียวกับน้าเน็ก) ก็จัดเต็มเปลี่ยน 2 ชุด นุ่งผ้าม่วงกึ่งราชปะแตน เปิ๊ดสะก๊าดอย่างที่โจอี้ชอบพูด เป็นไปตามคอนเซ็ปของโจอี้ “ ไม่เยอะแต่แยะ! ” … โค้ชก้องกับน้องนนท์มาแบบซึ้งละมุน “ เพราะอะไร ”ของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ (พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ แต่งเนื้อ) ซึ้งน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หล่อเนี่ยเซ่ … บาดใจ! ประโยคสุดท้ายชะนีทั่วไทยต้องจิ้น (จินตนาการ) เอาเองว่าโค้ชก้องร้องให้ฉันคนเดียว รวมทั้งฉันด้วย
“ ตั้งแต่วันฉันพบเจอ ก็เจอแต่สิ่งดีงาม ” (คิดกันไปเอง ไม่เกรงใจเมียเขาเลย) … แสตมป์กับคิงร้องคู่กันมันส์สะใจวัยโจ๋ อีกคนก็ว้าก อีกคนก็เต้นชักดิ้นชักงอ ยังไงวัยรุ่นก็ว่าพี่แตมป์หล่อ น่ารักอยู่ดี … อือ ป้าก็ว่างั้น! ไพเราะรึเปล่าไม่รู้ๆ แค่ว่า แสตมป์นี่แรงเยอะดีนะ วุ้ย! … พลังหนุ่มมันเป็นจะอี้นี่เอง … ส่วนฉันซึ้งแบบบ้านๆ กับลูกต๊ะ เป็นเกียรติเป็นศรี เมื่อมีอ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี มาเป่าขลุ่ยให้ในเพลงเดือนเพ็ญ ภาพกราฟฟิกด้านหลังเป็นรูปดวงจันทร์ แต่หน้าฉันน่ะใหญ่กว่า! คนจีนที่ดูอยู่ทางบ้านคงนึกถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงอีกแล้วเหรอ? … ช่วงที่โค้ชชายล้วนทั้ง 3 เถิดเทิงสุดๆ คือ ช่วงที่นนท์ร้องเพลง “ ยังไม่เคย ” มีทีมแดนเซอร์สาวสวยหุ่นดีจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเต้นกระโดดหมุนตัวเตะขาตีลังกา อีกนิดก็กายกรรมเปียงยางละ ปกติฉันมักจะชวนก้องคุยวิพากษ์วิจารณ์ไปตามประสาคนช่างเม้าท์ แต่คราวนี้ก้องไม่สนกรู...เลยค่ะ! สายตาจับจ้องอยู่บนเวทีซึ่งไม่ใช่ “ นนท์ ” ที่ก้อง โจอี้และแสตมป์จ้อง … คิดว่าเป็นอะไรได้ล่ะ ตอนเบรกโฆษณา โจอี้ทำตาพราวเดินมาสุมหัวคุยกับก้อง ฉันหมั่นไส้ แหย่ไปว่า
“ เชอะ! ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก ของแค่นั้นฉันก็ทำได้ สวยไม่มากแต่ท่ายากๆ ฉันก็ไหวนะ ” โจอี้สวนทันที เดี๋ยวพวกผมโยนพี่ขึ้นไปตีลังกาเอามั้ย? เดี๋ยวจัดให้ ” แสตมป์เสียบเข้ามา “ แต่ตอนลงไม่มีใครรับนะ ” ฉันหันไปค้อนผู้ชาย 3 คนไปคนละวง วันสุดท้ายก็ยังจะมาทำร้ายจิตใจผู้หญิงสาวสวยบริสุทธิ์ตัวเล็กๆ ไร้พิษสงอย่างฉัน … คนใจร้าย!
ถึงเวลาประกาศผลโหวต 2 คนสุดท้ายคือ นนท์ กับ เก่ง ลูกต๊ะของฉันตกรอบไปยืนตกไฟกับคิง แสงไฟส่องเฉพาะ 2 คนให้ฉันลุ้นใจหายใจคว่ำไปด้วย นึกไว้ว่า “ คนโหวต ” น่ะไม่เหมือน “ คนดูทั่วไป ” คนดูทั่วไปจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่เข้ามามีบทบาทในเวลาจริง ส่วนคนโหวตเขามีทางของเขาเองง่ายๆ ชอบฉันก็โหวตไม่ต้องขอความเห็นจากใคร นนท์ก้มหน้าหลับตา ส่วนเก่งทำหน้าจะร้องไห้เหมือนประกาศผลประกวดนางงามรอประทับมงกุฎกับคล้องสายสะพายมิสอะไรสักมิส พี่กบประกาศวีอะไรฉันจำไม่ได้ (จำแต่หน้าไม่เคยจำเบอร์) อ้าว … ใครได้ล่ะ? จนพี่กบยกมือนนท์นั่นแหละ หันมามองก้องๆ ทำหน้างงๆ ไม่คิดว่าลูกทีมตัวเองจะชนะ ส่วนโจอี้คิ้วขมวดเล็กน้อยจะว่าไปแล้ว ทีมโจอี้น่าจะเป็นทีมที่ทำงานหนักที่สุด ทั้งการร้องและการแสดง ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในหัวเพื่อดัน “ เก่ง ” ให้เปล่งรัศมีสุดๆ ที่สุดแล้วก็ต้องไปรวมกับอีก 2 คนที่ตกรอบคือ คิง กับ ต๊ะ วินาทีนั้นฉันเข้าใจความรู้สึกที่มันว่างเปล่าอยู่ชั่วอึดใจ ความพยายามและความหวังที่หมดลงชั่วขณะ เหมือนคนกลั้นหายใจ ไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไร เห็นแค่คนชนะที่อยู่ตรงหน้า … แต่ไม่ใช่เรา! สำหรับฉันคงหาเหตุผล ณ ปัจจุบันมาให้ไม่ได้นอกจากความนิยมของคนโหวต แล้วถ้าฉันจะเชื่อในเรื่องของชะตาชีวิตและวาสนา คำบรรยายใต้ภาพสำหรับ 3 คนที่ตกรอบสุดท้ายก็คือ … “ ความพยายามที่ไร้วาสนา ” ไม่รู้จะให้โทษอะไรในเมื่อโอกาสก็มีให้และความสามารถก็ไม่น้อยหน้ากัน จะมีอะไรที่พอปลอบใจตัวเองได้ในเวลานั้น นอกเสียจาก … ทำบุญมาน้อย! หรือ ยังไม่ถึงเวลาของเรา จะว่าไปเรื่องราวในรายการที่เกิดขึ้นบนจอทีวีมันก็จบลงแค่นั้น จบเกมแล้ว และจะเริ่มต้นเผชิญหน้ากับเรื่องจริงก็ตอนที่แต่ละคนออกมาดิ้นรนต่อสู้ต่อไปโดยมีคำว่า “ เดอะวอยซ์ ” พ่วงท้ายให้เครดิต ก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะคะจะบอกให้ ถ้าเทียบกับการเดินทางอันยาวนานของฉันที่ไม่มีอะไรห้อยท้ายมา 25 ปี เด็กๆ ที่ผ่านเข้ามาในเดอะวอยซ์ได้ตั้งแต่รอบไบลด์ออดิชั่นก็ถือว่ายังโชคดีกว่าฉันเมื่อก่อนนั้นมาก
นักข่าว ช่างภาพ รวมทั้งทีมวีรีพอร์ตเตอร์ ที่มีโจ เอเอฟ เป็นพิธีกร มะรุมมะตุ้มสัมภาษณ์คนบนเวทีสลับกับเพื่อนพ้องพี่น้องที่ตกรอบไปก่อนขึ้นมาร่วมแสดงความยินดี นึกถึงรางวัลที่ได้ แชมป์คนเดียวได้เงินและรถ ส่วนที่เหลือก็ไม่ได้อะไรเป็นไปตามกติกาที่เมืองนอกเขาวางไว้ แต่พี่โอ๋ชาย (อาจกิจ สุนทรวัฒน์) และโอ๋หญิง (พัฒนี จรียะธนา) ที่ดูแลทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น รู้สึกสงสารเด็กๆ ที่เหลือก็เลยไปขอเงินจากเจ้านายใหญ่มาให้ 3 คนสุดท้ายได้คนละแสน ส่วนเด็กเข้ารอบไบลด์ได้คนละ 20,000 … โถ่! น้ำตาจะไหล พี่ๆ เขาใจดีไม่มองข้ามพวกตกรอบ และนี่ก็คือหนึ่งในความพิเศษของ เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ คนไทยเราดูแลกัน เมตตาและเอื้ออาทรต่อกันเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใด
พวกเราและเด็กเข้ารอบตั้งแต่ไบลด์รวมทั้งทีมงานทรู มิวสิค ทีมเสื้อผ้า หน้า ผม และโต๊ะกลมมารวมตัวกันที่ห้องแคนทีน เลี้ยงฉลองจบรายการคืนสุดท้าย โดยมีโจอี้บอยกับดีเจเปิดแผ่นสร้างความสนุกไปตลอดรายการ พี่โอ๋ชายควักเงินออกมา 15,000 บาทให้โจอี้เอามาเล่นเกมส์กับน้องๆ เริ่มจากทายดนตรีต้นเพลงว่าเป็นเพลงอะไร หรือร้องเพลงฝรั่งที่เขาเปิดขึ้นมาให้ได้ … เปิดดนตรีถอยหลังแล้วให้ทายว่าเพลงอะไร เล่นเอาอาซิ้มอย่างฉันมึนอยู่คนเดียว “ มันเล่นอะไรของมันวะ ” เงินหมดพวกเด็กๆ ก็เต้นต่อกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะทีม “ โต๊ะกลม ” ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ละคนที่ดูสงบเสงี่ยม เรียบร้อย เจี๋ยมเจี้ยม โดยเฉพาะ “ เอก ” ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์รายการ เต้นเป็นโคโยตี้ กระดึ๊บๆ ทั้งงาน ฉันหัวเราะจนน้ำตาไหล โอ๋หญิงที่เป็นสาวหล่อก็เต้นสาวแตกไม่แพ้กัน ดูสภาพแล้วเหมือนดวงวิญญาณในวันเชงเม้งที่เขาปล่อยออกมายังไงยังงั้น โจอี้คอยเดินมาถามฉันบ่อยๆ ว่า โอเคมั้ย? จะเอาอะไรอีกมั้ย? แหม … ถ้าฉันจะต้องการอะไรมากกว่านั้น โจอี้ก็คงให้ฉันไม่ได้หรอก จะถามทำไมให้อารมณ์เสียเนี่ย! โจอี้นอกจากจะดูแลลูกทีมดีแล้ว เขายังใส่ใจและแคร์ความรู้สึกของคนทุกคน ถ้าไม่ได้มาร่วมงานด้วยฉันคงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแคร์คน ชอบเฮฮา อ่อนโยน ขี้สงสารและใจอ่อนสุดๆ … แสตมป์แวะเข้ามาเป่าเค้กวันเกิดแม็กซ์แล้วแวบไปทำงาน ส่วนก้องต้องไปทำงานเลยไม่ได้มาร่วมฉลอง แต่ตามมาตอนงานเลิกแล้ว สงสัยรอให้ฉันกลับก่อน อยากจะร้องเพลงที่โจอี้แต่งว่า … “ วันพระไม่ได้มีหนเดียว เข้าพรรษาไม่ได้มีหนเดียว ” … คราวหน้าแน่จริงอย่าหนีเซ่!
.......................................
(หมายเหตุ คืนสุดท้าย (II) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)
เล่นหูเล่นตา : คืนสุดท้าย (II)
คืนสุดท้าย (II) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
“ 5-4-3-2 ปรบมือ ” เสียงพี่ยุทธ ฝ่ายดำเนินรายการจากบริษัท ไฮอัพ (High Up) คอยบอกคิวให้คนดูในห้องส่งปรบมือเมื่อเวลาของการถ่ายทอดสดรอบสุดท้ายได้เริ่มขึ้น .. เสียงพี่ยุทธทำให้ฉันตื่นเต้นทุกครั้ง เมื่อความสนุกเหนือความคาดหมายกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันกวาดสายตาไปที่คนดูและทีมงาน ความร่วมมือร่วมใจกำลังเริ่มขึ้นและจะสิ้นสุดลงภายในเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที … โจอี้บอย เปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ของตัวเองที่เป็นเพลงภาพยนตร์เรื่อง “ เคาท์ดาวน์ ” เพลง “ 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ” (ชื่อยาวได้อีก) ฉันดูภาพรวมโชว์แล้วขนมาทั้งแดนซ์เซอร์และสิงห์เหนือเสือใต้ อั่ม … เป็นคนขี้เหงาอยู่คนเดียวไม่ได้ มาคนเดียวไม่เป็น! ต้องขนสมุนและลูกหาบมาเป็นขบวน นี่ยังไม่รวมลูกทีมโจอี้อีกเป็นฝูงที่พร้อมใจกันนุ่งโจงสีแดงแปร๊ดมาร่วมร้องเพลง “ ยายสำอาง ” ที่โจอี้ต้องร้องคู่กับเก่ง แถมวันสุดท้ายเสื้อผ้าที่ดูแลโดย “ อัฐ ” (คนดูแลเสื้อผ้าคนเดียวกับน้าเน็ก) ก็จัดเต็มเปลี่ยน 2 ชุด นุ่งผ้าม่วงกึ่งราชปะแตน เปิ๊ดสะก๊าดอย่างที่โจอี้ชอบพูด เป็นไปตามคอนเซ็ปของโจอี้ “ ไม่เยอะแต่แยะ! ” … โค้ชก้องกับน้องนนท์มาแบบซึ้งละมุน “ เพราะอะไร ”ของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ (พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ แต่งเนื้อ) ซึ้งน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หล่อเนี่ยเซ่ … บาดใจ! ประโยคสุดท้ายชะนีทั่วไทยต้องจิ้น (จินตนาการ) เอาเองว่าโค้ชก้องร้องให้ฉันคนเดียว รวมทั้งฉันด้วย
“ ตั้งแต่วันฉันพบเจอ ก็เจอแต่สิ่งดีงาม ” (คิดกันไปเอง ไม่เกรงใจเมียเขาเลย) … แสตมป์กับคิงร้องคู่กันมันส์สะใจวัยโจ๋ อีกคนก็ว้าก อีกคนก็เต้นชักดิ้นชักงอ ยังไงวัยรุ่นก็ว่าพี่แตมป์หล่อ น่ารักอยู่ดี … อือ ป้าก็ว่างั้น! ไพเราะรึเปล่าไม่รู้ๆ แค่ว่า แสตมป์นี่แรงเยอะดีนะ วุ้ย! … พลังหนุ่มมันเป็นจะอี้นี่เอง … ส่วนฉันซึ้งแบบบ้านๆ กับลูกต๊ะ เป็นเกียรติเป็นศรี เมื่อมีอ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี มาเป่าขลุ่ยให้ในเพลงเดือนเพ็ญ ภาพกราฟฟิกด้านหลังเป็นรูปดวงจันทร์ แต่หน้าฉันน่ะใหญ่กว่า! คนจีนที่ดูอยู่ทางบ้านคงนึกถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงอีกแล้วเหรอ? … ช่วงที่โค้ชชายล้วนทั้ง 3 เถิดเทิงสุดๆ คือ ช่วงที่นนท์ร้องเพลง “ ยังไม่เคย ” มีทีมแดนเซอร์สาวสวยหุ่นดีจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเต้นกระโดดหมุนตัวเตะขาตีลังกา อีกนิดก็กายกรรมเปียงยางละ ปกติฉันมักจะชวนก้องคุยวิพากษ์วิจารณ์ไปตามประสาคนช่างเม้าท์ แต่คราวนี้ก้องไม่สนกรู...เลยค่ะ! สายตาจับจ้องอยู่บนเวทีซึ่งไม่ใช่ “ นนท์ ” ที่ก้อง โจอี้และแสตมป์จ้อง … คิดว่าเป็นอะไรได้ล่ะ ตอนเบรกโฆษณา โจอี้ทำตาพราวเดินมาสุมหัวคุยกับก้อง ฉันหมั่นไส้ แหย่ไปว่า
“ เชอะ! ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก ของแค่นั้นฉันก็ทำได้ สวยไม่มากแต่ท่ายากๆ ฉันก็ไหวนะ ” โจอี้สวนทันที เดี๋ยวพวกผมโยนพี่ขึ้นไปตีลังกาเอามั้ย? เดี๋ยวจัดให้ ” แสตมป์เสียบเข้ามา “ แต่ตอนลงไม่มีใครรับนะ ” ฉันหันไปค้อนผู้ชาย 3 คนไปคนละวง วันสุดท้ายก็ยังจะมาทำร้ายจิตใจผู้หญิงสาวสวยบริสุทธิ์ตัวเล็กๆ ไร้พิษสงอย่างฉัน … คนใจร้าย!
ถึงเวลาประกาศผลโหวต 2 คนสุดท้ายคือ นนท์ กับ เก่ง ลูกต๊ะของฉันตกรอบไปยืนตกไฟกับคิง แสงไฟส่องเฉพาะ 2 คนให้ฉันลุ้นใจหายใจคว่ำไปด้วย นึกไว้ว่า “ คนโหวต ” น่ะไม่เหมือน “ คนดูทั่วไป ” คนดูทั่วไปจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่เข้ามามีบทบาทในเวลาจริง ส่วนคนโหวตเขามีทางของเขาเองง่ายๆ ชอบฉันก็โหวตไม่ต้องขอความเห็นจากใคร นนท์ก้มหน้าหลับตา ส่วนเก่งทำหน้าจะร้องไห้เหมือนประกาศผลประกวดนางงามรอประทับมงกุฎกับคล้องสายสะพายมิสอะไรสักมิส พี่กบประกาศวีอะไรฉันจำไม่ได้ (จำแต่หน้าไม่เคยจำเบอร์) อ้าว … ใครได้ล่ะ? จนพี่กบยกมือนนท์นั่นแหละ หันมามองก้องๆ ทำหน้างงๆ ไม่คิดว่าลูกทีมตัวเองจะชนะ ส่วนโจอี้คิ้วขมวดเล็กน้อยจะว่าไปแล้ว ทีมโจอี้น่าจะเป็นทีมที่ทำงานหนักที่สุด ทั้งการร้องและการแสดง ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในหัวเพื่อดัน “ เก่ง ” ให้เปล่งรัศมีสุดๆ ที่สุดแล้วก็ต้องไปรวมกับอีก 2 คนที่ตกรอบคือ คิง กับ ต๊ะ วินาทีนั้นฉันเข้าใจความรู้สึกที่มันว่างเปล่าอยู่ชั่วอึดใจ ความพยายามและความหวังที่หมดลงชั่วขณะ เหมือนคนกลั้นหายใจ ไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไร เห็นแค่คนชนะที่อยู่ตรงหน้า … แต่ไม่ใช่เรา! สำหรับฉันคงหาเหตุผล ณ ปัจจุบันมาให้ไม่ได้นอกจากความนิยมของคนโหวต แล้วถ้าฉันจะเชื่อในเรื่องของชะตาชีวิตและวาสนา คำบรรยายใต้ภาพสำหรับ 3 คนที่ตกรอบสุดท้ายก็คือ … “ ความพยายามที่ไร้วาสนา ” ไม่รู้จะให้โทษอะไรในเมื่อโอกาสก็มีให้และความสามารถก็ไม่น้อยหน้ากัน จะมีอะไรที่พอปลอบใจตัวเองได้ในเวลานั้น นอกเสียจาก … ทำบุญมาน้อย! หรือ ยังไม่ถึงเวลาของเรา จะว่าไปเรื่องราวในรายการที่เกิดขึ้นบนจอทีวีมันก็จบลงแค่นั้น จบเกมแล้ว และจะเริ่มต้นเผชิญหน้ากับเรื่องจริงก็ตอนที่แต่ละคนออกมาดิ้นรนต่อสู้ต่อไปโดยมีคำว่า “ เดอะวอยซ์ ” พ่วงท้ายให้เครดิต ก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะคะจะบอกให้ ถ้าเทียบกับการเดินทางอันยาวนานของฉันที่ไม่มีอะไรห้อยท้ายมา 25 ปี เด็กๆ ที่ผ่านเข้ามาในเดอะวอยซ์ได้ตั้งแต่รอบไบลด์ออดิชั่นก็ถือว่ายังโชคดีกว่าฉันเมื่อก่อนนั้นมาก
นักข่าว ช่างภาพ รวมทั้งทีมวีรีพอร์ตเตอร์ ที่มีโจ เอเอฟ เป็นพิธีกร มะรุมมะตุ้มสัมภาษณ์คนบนเวทีสลับกับเพื่อนพ้องพี่น้องที่ตกรอบไปก่อนขึ้นมาร่วมแสดงความยินดี นึกถึงรางวัลที่ได้ แชมป์คนเดียวได้เงินและรถ ส่วนที่เหลือก็ไม่ได้อะไรเป็นไปตามกติกาที่เมืองนอกเขาวางไว้ แต่พี่โอ๋ชาย (อาจกิจ สุนทรวัฒน์) และโอ๋หญิง (พัฒนี จรียะธนา) ที่ดูแลทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น รู้สึกสงสารเด็กๆ ที่เหลือก็เลยไปขอเงินจากเจ้านายใหญ่มาให้ 3 คนสุดท้ายได้คนละแสน ส่วนเด็กเข้ารอบไบลด์ได้คนละ 20,000 … โถ่! น้ำตาจะไหล พี่ๆ เขาใจดีไม่มองข้ามพวกตกรอบ และนี่ก็คือหนึ่งในความพิเศษของ เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ คนไทยเราดูแลกัน เมตตาและเอื้ออาทรต่อกันเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใด
พวกเราและเด็กเข้ารอบตั้งแต่ไบลด์รวมทั้งทีมงานทรู มิวสิค ทีมเสื้อผ้า หน้า ผม และโต๊ะกลมมารวมตัวกันที่ห้องแคนทีน เลี้ยงฉลองจบรายการคืนสุดท้าย โดยมีโจอี้บอยกับดีเจเปิดแผ่นสร้างความสนุกไปตลอดรายการ พี่โอ๋ชายควักเงินออกมา 15,000 บาทให้โจอี้เอามาเล่นเกมส์กับน้องๆ เริ่มจากทายดนตรีต้นเพลงว่าเป็นเพลงอะไร หรือร้องเพลงฝรั่งที่เขาเปิดขึ้นมาให้ได้ … เปิดดนตรีถอยหลังแล้วให้ทายว่าเพลงอะไร เล่นเอาอาซิ้มอย่างฉันมึนอยู่คนเดียว “ มันเล่นอะไรของมันวะ ” เงินหมดพวกเด็กๆ ก็เต้นต่อกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะทีม “ โต๊ะกลม ” ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ละคนที่ดูสงบเสงี่ยม เรียบร้อย เจี๋ยมเจี้ยม โดยเฉพาะ “ เอก ” ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์รายการ เต้นเป็นโคโยตี้ กระดึ๊บๆ ทั้งงาน ฉันหัวเราะจนน้ำตาไหล โอ๋หญิงที่เป็นสาวหล่อก็เต้นสาวแตกไม่แพ้กัน ดูสภาพแล้วเหมือนดวงวิญญาณในวันเชงเม้งที่เขาปล่อยออกมายังไงยังงั้น โจอี้คอยเดินมาถามฉันบ่อยๆ ว่า โอเคมั้ย? จะเอาอะไรอีกมั้ย? แหม … ถ้าฉันจะต้องการอะไรมากกว่านั้น โจอี้ก็คงให้ฉันไม่ได้หรอก จะถามทำไมให้อารมณ์เสียเนี่ย! โจอี้นอกจากจะดูแลลูกทีมดีแล้ว เขายังใส่ใจและแคร์ความรู้สึกของคนทุกคน ถ้าไม่ได้มาร่วมงานด้วยฉันคงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแคร์คน ชอบเฮฮา อ่อนโยน ขี้สงสารและใจอ่อนสุดๆ … แสตมป์แวะเข้ามาเป่าเค้กวันเกิดแม็กซ์แล้วแวบไปทำงาน ส่วนก้องต้องไปทำงานเลยไม่ได้มาร่วมฉลอง แต่ตามมาตอนงานเลิกแล้ว สงสัยรอให้ฉันกลับก่อน อยากจะร้องเพลงที่โจอี้แต่งว่า … “ วันพระไม่ได้มีหนเดียว เข้าพรรษาไม่ได้มีหนเดียว ” … คราวหน้าแน่จริงอย่าหนีเซ่!
.......................................
(หมายเหตุ คืนสุดท้าย (II) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)