สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
***ความคิดเห็นนี้เป็นสีเขียวใต้ทะเล***
(เป็นเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้ของวันธรรมดาๆวันหนึ่ง ณ บาร์เหล้าเล็กๆใจกลางมหานครใหญ่อันแสนจอแจ ปรากฏร่างของบุรุษต่างวัยสองคนกำลังนั่งสนทนากันท่ามกลางบรรยกาศอันเงียบเหงาของคืนฝนพรำ เสียงเพลงสากลจากยุค80'ในร้านดังคลอไปกับเสีัยงของพัดลมเพดานตัวเก่าที่กำลังหมุนวนครืนครางอย่างหงอยเหงา ที่มุมหนึ่งของโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ ณ มุมอับด้านหลังร้า่นมีร่างของ "ผู้พันเคน" ชายร่างท้วมสูงอายุในชุดสูทสีขาวปลอดรีดเรียบจนเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังนั่นสนทนาอยู่กับชายวัยกำดัดในชุดตัวตลกปาหี่สีเหลืองซึ่งมีชื่อละม้ายคล้ายตัวการ์ตูนที่มีลักษณะคล้ายเป็ด ผมสีแดงเพลิงบนหัวของเขาพันกันยุ่มยั่บเหมือนผ่านการเซ็ตมาอย่างลวกๆ ใบหน้าที่ลงเมคอัพสีขาวไว้เริ่มละลายออกมาเป็นหย่อมๆอันเป็นผลมาจากการวิ่งฝ่าสภาพอากาศอันแปรปรวนเบื้องนอก ส่วนชุดสีเหลืองตุ่นๆที่ใส่อยู่ก็มีคราบกระดำกระด่างเหมือนน้ำมันเประอยู่เต็ม)
"แล้วตกลงว่าลุงจะรับข้อเสนอของผมรึเปล่า" ตัวตลกกล่าวกับชายชราเบื้องหน้าพลางหยิบบุหรี่ซองแดงขึ้นมาจุดสูบ ควันสีอมเทาจากแท่งยาสูบมรณะถูกพัดลมที่หมุนอยู่เหนือโต๊ะกลืนหายไปเหมือนเกลียวคลื่นบนท้องทะเล
"นี่เธอจะให้ลุงรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมนี้ด้วยการขายหุ้นของธุรกิจนกทอดทั้งหมดให้อย่างนั้นรึ ขอบอกตามตรงนี่เธอกำลังฝันกลางวันอยู่รึเปล่า เฮอะ!" ชายชราแค่นเสียงพลางใช้ฝ่ามืออันหยาบกร้านลูบคลำไม้เท้าประจำตัวที่ถูกขัดจนมันวับ
"โธ่ลุง! คิดดูดีๆนะลุงก็อายุปูนนี้แล้ว ลูกหลานญาติพี่้น้องก็ไม่มี แล้วจะต้องมานั่งตรากตรำบริหารธุรกิจให้มันเหนื่อยยากไปทำไม ก็บอกแล้วไงว่าผมให้ราคาหุ้นทุกหน่วยอย่างคุ้มค่าเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอนแล้วลุงก็จะสบายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ จากนั้นลุงจะเอาเงินตรงนี้ไปใช้ตั้งฮาเร็มส่วนตัว สร้างโบสถ์ ซื้อเรือยอร์ช เปิดมูลนิธิ หรืออยากจะล้างผลาญอะไรแบบที่คนวัยเกษียณเขาทำกันก็ได้"
(ตัวตลกกล่าวพลางหยิบเมล็ดถั่วในจานกับแกล้มเบื้องหน้ามาดีดเข้าปากอย่างแม่นยำแล้วจึงคว้าแก้ววิสกี้สีอำพันมากระดกตามรวดเดียวจนหมด ก่อนส่งแววตาอันเจ้าเล่ห์วายร้ายมายังชายชราที่ดูเหมือนหมดพลังใจและเหนื่อยหน่ายกับชีวิตแต่เฉพาะสายตาเบื้องหลังกรอบแว่นเท่านั้นยังแฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนง)
"รู้สึกว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิดแล้วนะไอ้หลานชาย ที่ชั้นก้าวเข้ามาทำธุรกิจนกทอดตอนเกษียณน่ะไม่ใช่เพราะเงินทองของมีค่าอะไร แต่เป็นเพราะต้องการให้ผู้คนได้กินอาหารดีๆในราคาถูกมากกว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งที่เธอสามารถตอบตัวเองได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของงานที่ทำอยู่มันคืออะไร ถึงตอนนั้นทรัพย์สินเงินทองต่างๆมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้ว" ชายชรากล่าวเสียงเรียบ
"เฮอะ~ถุดด" ตัวตลกชักสีหน้าพลางถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาจนกลุ่มควันสีเทาปลกคลุมไปทั่วบริเวณ
"ลุงอย่าพูดอะไรที่มันฝันเฟื่องเป็นละครน้ำเน่าหลังข่าวของประเทศสารขัณฑ์ให้มากนักเลยน่า เป้าหมายของชีวิตเรอะ อยากจะเห็นคนกินของดีราคาถูกเรอะ เงินทองไม่สำคัญมากอย่างนั้นเรอะ ถ้างั้นลุงก็ยกกิจการและทรัพย์สินที่มีทั้งหมดให้การกุศลไปเลยสิ อย่าโกหกตัวเองดีกว่าน่าลุง เดี๋ยวนี้ทุกอย่างในโลกมันขับเคลื่อนไปด้วยฟันเฟืองที่เรียกว่า "เงิน" ทั้งนั้นแหละ เคยได้ยินไหมคนมีเงินก็เป็นพระเจ้าน่ะ ลองมองออกไปที่ถนนรอบๆตัวลุงสิชั้นอยากจะถามหน่อยว่าลองถ้าไม่มีเงินแล้วใครบ้างจะอยู่ได้ ไอ้คนที่ชอบพูดแบบนี้น่ะคือพวกที่มีเงินล้นฟ้าหรือเกิดมาบนกองเงินกองทองไม่เคยเจอความยากลำบากมากกว่า" ตัวตลกกล่าวอย่างออกรสพลางทำหน้าเคร่งเครียด
"ลุงลองนึกถึงตอนที่มีคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคร้ายแล้วไม่มีเงินจะไปรักษาสิ หรือตอนที่อยากจะให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนดีๆแต่ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเทอม รึไม่ก็ตอนที่เจ้าของบ้านซึ่งอาศัยเขาซุกหัวนอนอยู่มาทวงค่าเช่าบ้านตอนสิ้นเดือนดูสิ ลุงตอบชั้นทีเถอะว่าเงินน่ะไม่ใช่สิ่งสำคัญ รู้มั๊ยชีวิตชั้นน่ะผ่านเรื่องบ้าบอคอแตกสัปปะรังเคทุกอย่างเท่าที่มนุษย์คนนึงจะเจอมาได้จนหมดแล้ว ดังนั้นใครจะหาว่าชั้นเป็นพวกหน้าเลือด ใจแคบ บ้าเงินก็ช่างมัน เฮอะ!มันไม่เคยต้องมาตกระกรำลำบากแบบชั้นแล้วจะไปรู้อะไร"
"นี่ไอ้หนู!ที่ชั้นไม่ยอมขายธุรกิจนกทอดที่สร้างมาแม้เธอจะเอาทรัพย์สินมหาศาลมากองให้ตรงหน้าน่ะมันไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรอกนะ ทุกวันนี้ชีวิตของชั้นน่ะไม่ได้ต้องการอะไรไปมากมายกว่านี้อีกแล้ว บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นบ้านหลังเล็กๆที่ซื้อไว้ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนตั้งแต่ตอนที่ทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารไร้ชื่อเสียง ชีวิตของชั้นทุกวันนี้นอกจากทำงานแล้วก็แค่เลี้ยงหมา ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ ไปพักผ่อนบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวยเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าวันใดที่ชั้นตายไปก็อยากจะเห็นธุรกิจที่สร้างมาไปอยู่ในมือของคนที่สามารถบริหารมันเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ไม่ใช่ไปอยู่ในมือของพวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหายใจเข้าออกเป็นเงินอยู่ทุกเวลา" ชายชรากล่าวพลางทำสายตาประชดประชันมายังตัวตลกหน้าขาวที่กำลังโกรธจัดจนแทบระเบิด
ปึ้ง!!! จู่ๆตัวตลกก็ควัก "ปืนลูกโม่" สีดำทมิฬลงมาตบกลางโต๊ะอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
"นี่ลุงจะหาว่าชั้นเป็นไอ้หน้าเงินใช่มั๊ย รู้มั๊ยว่าชั้นใจดีแค่ไหนแล้วที่มายื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ กับคนอื่นน่ะชั้นไม่อ่อนข้อให้ขนาดนี้หรอกนะ ตกลงแล้วลุงอยากจะขายหรือไม่ขายรีบตัดสินใจดีๆ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าลูกปืนของชั้นน่ัะมันไม่ค่อยมีหูมีตาซะด้วยสิ" ตัวตลกกล่างพลางเริ่มหมุนกระบอกปืนที่กลางโต๊ะเหมือนเด็กกำลังเล่นของเล่น
"นี่อยากจะได้ธุรกิจของชั้นมากจนต้องยอมลดตัวลงไปทำเรื่องแบบนี้เลยเชียวรึ อืม!เข้าใจล่ะ ถ้างั้นก็ได้ ก็ได้ไอ้หลานชาย" ชายชรากล่าวพลางใช้มืออันเหี่วยย่นและหยาบกร้านกุมไม้เท้าในมือแน่นและก้มหน้าอย่างยอมรับสถาพ
"หึ หึ หึ ถ้าพูดง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จะได้ไม่ต้องมาพล่ามให้เสียเวลา เอาล่ะนี่คือเอกสารที่ลุงจะต้องเซ็นลองเอาไปดูก่อน" ตัวตลกกล่าวพลางส่งยิ้มอย้่างเจ้าเล่ห์วายร้ายและหยิบเอกสารปึกหนึ่งพร้อมปากาสีทองราคาแพงออกมา
"ที่ลุงต้องทำคือเริ่มต้นเซ็นจากตรงช่อง....."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างไม่มีสัญญาบอกล่าวหน้าจู่ๆชายชราก็บิดหัวไม้เท้าในมือหนึ่งคราและดึงด้ามขึ้นเผยให้เห็นใบดาบขนาดยาวเป็นเงาวับซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ในไม้เท้าคู่กายนั้น ก่อนที่เขาจะตวัดใบดาบอันคบกริบเข้าใส่ลำคอของตัวตลกเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว จนบังเกิดรอยฉีกขาดของเส้นเอ็นและเนื้อหนังก่อนที่โลหิตสีแดงฉานจะไหลทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นราวกับน้ำพุ
"อ่อก กะ..แก แกมัน อั่ก..ไอ้แก่ จะ..เจ้าเล่ห์
คร่อก!
ตัวตลกยกมือขึ้นมากุมคอพลางส่งสายตาอย่างเคียดแค้นไปยังชายชราเบื้องหน้า มืออีกข้างพยายามเอื้อมไปคว้าปืนลูกโม่ขึ้นมาอย่างลนลาน ขณะที่โลหิตจากปากแผลบริเวณลำคอนั้นไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วและบางส่วนยังไปจมอยู่ในแก้วเหล้าอันเคยว่างเปล่าเบื้องหน้า เสียงเพลงสากลภายในร้านยังคงดังแข่งกับสายฝนที่โปรายปรายอยู่เบื้องนอก ตัวตลกเคราะห์ร้ายจ้องหน้าชายชราอย่างเลือดเย็นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพลางส่งเสียงอู้อี้เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ยังมิทันได้กล่าวร่างนั้นก็ตาเหลือกค้างและฟุบลงไปฟาดกับจานใส่ถั่วเบื้องหน้าแลสิ้นใจไปโดยที่ในมือยังกำปืนลูกโม่คู่ใจไว้แน่น
"ทำไมคนหนุ่มสมัยนี้มันช่างกักขฬะและใจเร็วด่วนได้กันแบบนี้นะ น่าดีใจจริงๆที่ชีวิตชั้นคงเหลือไม่นานพอจะได้เห็นไอ้พวกนี้มันเป็นใหญ่เป็นโต" ชายชราบ่นพึมพัมพลางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นพระเจ้าเหาของตนเองมากดโทรออก ไม่นานนักก็ปรากฏรถบรรทุกติดตู้แช่ขนาดย่อมซึ่งมีรูปของชายชราเพ๊นท์อยู่ที่ข้างตัวรถขับมาจอดที่หลังร้าน ก่อนที่พนักงานร่างกำยำ3นายในชุดสีขาวปลอดจะเข้ามาที่ร้านพร้อมจัดแจงทำความสะอาดคราบเลือดและข้าวของที่เสียหายพร้อมนำร่างของตัวตลกที่แน่นิ่งยัดใส่ในถุงสีดำ
"รู้อะไรมั๊ย! วันนี้แกทำผิดมหันต์อยู่สองอย่างนะไอ้หนู" ชายชรากล่าวพลางจ้องมองไปที่ร่างของตัวตลกในถุงห่อศพเบื้องหน้า
"อย่างแรกคือการที่แกบังอาจมาลูบคมเสือเฒ่าอย่างชั้น และอย่างที่สองคือดันมาเลือกสถานที่นัดเจอกันในร้านที่ชั้นเป็นหุ้นส่วนใหญ่อยู่" ชายชรากล่าวเสียงเรียบๆก่อนที่ซิบบนถุงจะถูกรูดปิด จากนั้นพนักงานจึงนำถุงนั้นไปโยนไว้ในตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นท้ายรถรวมกับชิ้นส่วนของเนื้อนกจำนวนมากที่แขวนอยู่เต็มตู้
ชายชรามองตามจนรถคันดังกล่าวเลี้ยวหายไปที่หัวมุมถนนก่อนจะหยิบซิการ์ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบ พลางยืนมองสายฝนที่ตกโปรยปรายจนพื้นถนนเปียกโชกอยู่พักหนึ่ง จึงหยิบร่มสีดำขึ้นมากางและเดินฝ่าสายฝนไปในค่ำคืนอันเย็นยะเยียบของมหานครยามราตรี
(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน
(เป็นเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้ของวันธรรมดาๆวันหนึ่ง ณ บาร์เหล้าเล็กๆใจกลางมหานครใหญ่อันแสนจอแจ ปรากฏร่างของบุรุษต่างวัยสองคนกำลังนั่งสนทนากันท่ามกลางบรรยกาศอันเงียบเหงาของคืนฝนพรำ เสียงเพลงสากลจากยุค80'ในร้านดังคลอไปกับเสีัยงของพัดลมเพดานตัวเก่าที่กำลังหมุนวนครืนครางอย่างหงอยเหงา ที่มุมหนึ่งของโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ ณ มุมอับด้านหลังร้า่นมีร่างของ "ผู้พันเคน" ชายร่างท้วมสูงอายุในชุดสูทสีขาวปลอดรีดเรียบจนเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังนั่นสนทนาอยู่กับชายวัยกำดัดในชุดตัวตลกปาหี่สีเหลืองซึ่งมีชื่อละม้ายคล้ายตัวการ์ตูนที่มีลักษณะคล้ายเป็ด ผมสีแดงเพลิงบนหัวของเขาพันกันยุ่มยั่บเหมือนผ่านการเซ็ตมาอย่างลวกๆ ใบหน้าที่ลงเมคอัพสีขาวไว้เริ่มละลายออกมาเป็นหย่อมๆอันเป็นผลมาจากการวิ่งฝ่าสภาพอากาศอันแปรปรวนเบื้องนอก ส่วนชุดสีเหลืองตุ่นๆที่ใส่อยู่ก็มีคราบกระดำกระด่างเหมือนน้ำมันเประอยู่เต็ม)
"แล้วตกลงว่าลุงจะรับข้อเสนอของผมรึเปล่า" ตัวตลกกล่าวกับชายชราเบื้องหน้าพลางหยิบบุหรี่ซองแดงขึ้นมาจุดสูบ ควันสีอมเทาจากแท่งยาสูบมรณะถูกพัดลมที่หมุนอยู่เหนือโต๊ะกลืนหายไปเหมือนเกลียวคลื่นบนท้องทะเล
"นี่เธอจะให้ลุงรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมนี้ด้วยการขายหุ้นของธุรกิจนกทอดทั้งหมดให้อย่างนั้นรึ ขอบอกตามตรงนี่เธอกำลังฝันกลางวันอยู่รึเปล่า เฮอะ!" ชายชราแค่นเสียงพลางใช้ฝ่ามืออันหยาบกร้านลูบคลำไม้เท้าประจำตัวที่ถูกขัดจนมันวับ
"โธ่ลุง! คิดดูดีๆนะลุงก็อายุปูนนี้แล้ว ลูกหลานญาติพี่้น้องก็ไม่มี แล้วจะต้องมานั่งตรากตรำบริหารธุรกิจให้มันเหนื่อยยากไปทำไม ก็บอกแล้วไงว่าผมให้ราคาหุ้นทุกหน่วยอย่างคุ้มค่าเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอนแล้วลุงก็จะสบายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ จากนั้นลุงจะเอาเงินตรงนี้ไปใช้ตั้งฮาเร็มส่วนตัว สร้างโบสถ์ ซื้อเรือยอร์ช เปิดมูลนิธิ หรืออยากจะล้างผลาญอะไรแบบที่คนวัยเกษียณเขาทำกันก็ได้"
(ตัวตลกกล่าวพลางหยิบเมล็ดถั่วในจานกับแกล้มเบื้องหน้ามาดีดเข้าปากอย่างแม่นยำแล้วจึงคว้าแก้ววิสกี้สีอำพันมากระดกตามรวดเดียวจนหมด ก่อนส่งแววตาอันเจ้าเล่ห์วายร้ายมายังชายชราที่ดูเหมือนหมดพลังใจและเหนื่อยหน่ายกับชีวิตแต่เฉพาะสายตาเบื้องหลังกรอบแว่นเท่านั้นยังแฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนง)
"รู้สึกว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิดแล้วนะไอ้หลานชาย ที่ชั้นก้าวเข้ามาทำธุรกิจนกทอดตอนเกษียณน่ะไม่ใช่เพราะเงินทองของมีค่าอะไร แต่เป็นเพราะต้องการให้ผู้คนได้กินอาหารดีๆในราคาถูกมากกว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งที่เธอสามารถตอบตัวเองได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของงานที่ทำอยู่มันคืออะไร ถึงตอนนั้นทรัพย์สินเงินทองต่างๆมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้ว" ชายชรากล่าวเสียงเรียบ
"เฮอะ~ถุดด" ตัวตลกชักสีหน้าพลางถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาจนกลุ่มควันสีเทาปลกคลุมไปทั่วบริเวณ
"ลุงอย่าพูดอะไรที่มันฝันเฟื่องเป็นละครน้ำเน่าหลังข่าวของประเทศสารขัณฑ์ให้มากนักเลยน่า เป้าหมายของชีวิตเรอะ อยากจะเห็นคนกินของดีราคาถูกเรอะ เงินทองไม่สำคัญมากอย่างนั้นเรอะ ถ้างั้นลุงก็ยกกิจการและทรัพย์สินที่มีทั้งหมดให้การกุศลไปเลยสิ อย่าโกหกตัวเองดีกว่าน่าลุง เดี๋ยวนี้ทุกอย่างในโลกมันขับเคลื่อนไปด้วยฟันเฟืองที่เรียกว่า "เงิน" ทั้งนั้นแหละ เคยได้ยินไหมคนมีเงินก็เป็นพระเจ้าน่ะ ลองมองออกไปที่ถนนรอบๆตัวลุงสิชั้นอยากจะถามหน่อยว่าลองถ้าไม่มีเงินแล้วใครบ้างจะอยู่ได้ ไอ้คนที่ชอบพูดแบบนี้น่ะคือพวกที่มีเงินล้นฟ้าหรือเกิดมาบนกองเงินกองทองไม่เคยเจอความยากลำบากมากกว่า" ตัวตลกกล่าวอย่างออกรสพลางทำหน้าเคร่งเครียด
"ลุงลองนึกถึงตอนที่มีคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคร้ายแล้วไม่มีเงินจะไปรักษาสิ หรือตอนที่อยากจะให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนดีๆแต่ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเทอม รึไม่ก็ตอนที่เจ้าของบ้านซึ่งอาศัยเขาซุกหัวนอนอยู่มาทวงค่าเช่าบ้านตอนสิ้นเดือนดูสิ ลุงตอบชั้นทีเถอะว่าเงินน่ะไม่ใช่สิ่งสำคัญ รู้มั๊ยชีวิตชั้นน่ะผ่านเรื่องบ้าบอคอแตกสัปปะรังเคทุกอย่างเท่าที่มนุษย์คนนึงจะเจอมาได้จนหมดแล้ว ดังนั้นใครจะหาว่าชั้นเป็นพวกหน้าเลือด ใจแคบ บ้าเงินก็ช่างมัน เฮอะ!มันไม่เคยต้องมาตกระกรำลำบากแบบชั้นแล้วจะไปรู้อะไร"
"นี่ไอ้หนู!ที่ชั้นไม่ยอมขายธุรกิจนกทอดที่สร้างมาแม้เธอจะเอาทรัพย์สินมหาศาลมากองให้ตรงหน้าน่ะมันไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรอกนะ ทุกวันนี้ชีวิตของชั้นน่ะไม่ได้ต้องการอะไรไปมากมายกว่านี้อีกแล้ว บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นบ้านหลังเล็กๆที่ซื้อไว้ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนตั้งแต่ตอนที่ทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารไร้ชื่อเสียง ชีวิตของชั้นทุกวันนี้นอกจากทำงานแล้วก็แค่เลี้ยงหมา ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ ไปพักผ่อนบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวยเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าวันใดที่ชั้นตายไปก็อยากจะเห็นธุรกิจที่สร้างมาไปอยู่ในมือของคนที่สามารถบริหารมันเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ไม่ใช่ไปอยู่ในมือของพวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหายใจเข้าออกเป็นเงินอยู่ทุกเวลา" ชายชรากล่าวพลางทำสายตาประชดประชันมายังตัวตลกหน้าขาวที่กำลังโกรธจัดจนแทบระเบิด
ปึ้ง!!! จู่ๆตัวตลกก็ควัก "ปืนลูกโม่" สีดำทมิฬลงมาตบกลางโต๊ะอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
"นี่ลุงจะหาว่าชั้นเป็นไอ้หน้าเงินใช่มั๊ย รู้มั๊ยว่าชั้นใจดีแค่ไหนแล้วที่มายื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ กับคนอื่นน่ะชั้นไม่อ่อนข้อให้ขนาดนี้หรอกนะ ตกลงแล้วลุงอยากจะขายหรือไม่ขายรีบตัดสินใจดีๆ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าลูกปืนของชั้นน่ัะมันไม่ค่อยมีหูมีตาซะด้วยสิ" ตัวตลกกล่างพลางเริ่มหมุนกระบอกปืนที่กลางโต๊ะเหมือนเด็กกำลังเล่นของเล่น
"นี่อยากจะได้ธุรกิจของชั้นมากจนต้องยอมลดตัวลงไปทำเรื่องแบบนี้เลยเชียวรึ อืม!เข้าใจล่ะ ถ้างั้นก็ได้ ก็ได้ไอ้หลานชาย" ชายชรากล่าวพลางใช้มืออันเหี่วยย่นและหยาบกร้านกุมไม้เท้าในมือแน่นและก้มหน้าอย่างยอมรับสถาพ
"หึ หึ หึ ถ้าพูดง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จะได้ไม่ต้องมาพล่ามให้เสียเวลา เอาล่ะนี่คือเอกสารที่ลุงจะต้องเซ็นลองเอาไปดูก่อน" ตัวตลกกล่าวพลางส่งยิ้มอย้่างเจ้าเล่ห์วายร้ายและหยิบเอกสารปึกหนึ่งพร้อมปากาสีทองราคาแพงออกมา
"ที่ลุงต้องทำคือเริ่มต้นเซ็นจากตรงช่อง....."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างไม่มีสัญญาบอกล่าวหน้าจู่ๆชายชราก็บิดหัวไม้เท้าในมือหนึ่งคราและดึงด้ามขึ้นเผยให้เห็นใบดาบขนาดยาวเป็นเงาวับซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ในไม้เท้าคู่กายนั้น ก่อนที่เขาจะตวัดใบดาบอันคบกริบเข้าใส่ลำคอของตัวตลกเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว จนบังเกิดรอยฉีกขาดของเส้นเอ็นและเนื้อหนังก่อนที่โลหิตสีแดงฉานจะไหลทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นราวกับน้ำพุ
"อ่อก กะ..แก แกมัน อั่ก..ไอ้แก่ จะ..เจ้าเล่ห์
คร่อก!
ตัวตลกยกมือขึ้นมากุมคอพลางส่งสายตาอย่างเคียดแค้นไปยังชายชราเบื้องหน้า มืออีกข้างพยายามเอื้อมไปคว้าปืนลูกโม่ขึ้นมาอย่างลนลาน ขณะที่โลหิตจากปากแผลบริเวณลำคอนั้นไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วและบางส่วนยังไปจมอยู่ในแก้วเหล้าอันเคยว่างเปล่าเบื้องหน้า เสียงเพลงสากลภายในร้านยังคงดังแข่งกับสายฝนที่โปรายปรายอยู่เบื้องนอก ตัวตลกเคราะห์ร้ายจ้องหน้าชายชราอย่างเลือดเย็นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพลางส่งเสียงอู้อี้เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ยังมิทันได้กล่าวร่างนั้นก็ตาเหลือกค้างและฟุบลงไปฟาดกับจานใส่ถั่วเบื้องหน้าแลสิ้นใจไปโดยที่ในมือยังกำปืนลูกโม่คู่ใจไว้แน่น
"ทำไมคนหนุ่มสมัยนี้มันช่างกักขฬะและใจเร็วด่วนได้กันแบบนี้นะ น่าดีใจจริงๆที่ชีวิตชั้นคงเหลือไม่นานพอจะได้เห็นไอ้พวกนี้มันเป็นใหญ่เป็นโต" ชายชราบ่นพึมพัมพลางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นพระเจ้าเหาของตนเองมากดโทรออก ไม่นานนักก็ปรากฏรถบรรทุกติดตู้แช่ขนาดย่อมซึ่งมีรูปของชายชราเพ๊นท์อยู่ที่ข้างตัวรถขับมาจอดที่หลังร้าน ก่อนที่พนักงานร่างกำยำ3นายในชุดสีขาวปลอดจะเข้ามาที่ร้านพร้อมจัดแจงทำความสะอาดคราบเลือดและข้าวของที่เสียหายพร้อมนำร่างของตัวตลกที่แน่นิ่งยัดใส่ในถุงสีดำ
"รู้อะไรมั๊ย! วันนี้แกทำผิดมหันต์อยู่สองอย่างนะไอ้หนู" ชายชรากล่าวพลางจ้องมองไปที่ร่างของตัวตลกในถุงห่อศพเบื้องหน้า
"อย่างแรกคือการที่แกบังอาจมาลูบคมเสือเฒ่าอย่างชั้น และอย่างที่สองคือดันมาเลือกสถานที่นัดเจอกันในร้านที่ชั้นเป็นหุ้นส่วนใหญ่อยู่" ชายชรากล่าวเสียงเรียบๆก่อนที่ซิบบนถุงจะถูกรูดปิด จากนั้นพนักงานจึงนำถุงนั้นไปโยนไว้ในตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นท้ายรถรวมกับชิ้นส่วนของเนื้อนกจำนวนมากที่แขวนอยู่เต็มตู้
ชายชรามองตามจนรถคันดังกล่าวเลี้ยวหายไปที่หัวมุมถนนก่อนจะหยิบซิการ์ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบ พลางยืนมองสายฝนที่ตกโปรยปรายจนพื้นถนนเปียกโชกอยู่พักหนึ่ง จึงหยิบร่มสีดำขึ้นมากางและเดินฝ่าสายฝนไปในค่ำคืนอันเย็นยะเยียบของมหานครยามราตรี
(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน
แสดงความคิดเห็น
ผู้พันเคเอฟซีกับตัวตลกแมค มาเจอกันจะต่อยกันมั้ยครับ