หลังจากที่กรุยทางในบ้านเรา ด้วยการประเดิมส่ง ICONIA TAB A500 แท็บเล็ตแอนดรอยด์ฮันนีโคมบ์ตัวแรกของค่ายที่มาพร้อมกับคุณสมบัติไว-ไฟ ให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของตลาดบ้านเราเมื่อครั้งงาน Thailand Mobile Expo 2011 กลางปีที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากชาวไอที และชุมชนออนไลน์อยู่ไม่น้อย มาในวันนี้เอเซอร์ก็พร้อมที่จะเข็นแท็บเล็ตแฝดน้อง ICONIA TAB A501 มาตอบโจทย์ผู้ที่รักการใช้งานออนไลน์แบบทุกที่ทุกเวลาด้วยคุณสมบัติสามจีกันแล้ว และยิ่งประกอบกับการที่โอเปอเรเตอร์มือถือในบ้านเราต่างก็เร่งเดินหน้าติดตั้งเทคโนโลยีสามจีให้ครอบคลุมทุกพื้นที่กันขนานใหญ่ มันก็ยิ่งทำให้แท็บเล็ตจากเอเซอร์รุ่นนี้ทวีความน่าสนใจมากเป็นเท่าตัว
สำหรับ ICONIA TAB A501 เครื่องนี้ หลักๆ แล้ว คุณสมบัติหรือฟังก์ชั่นโดยรวมยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแท็บเล็ตตัวพี่มากเท่าใดนัก นอกเสียจากคุณสมบัติสามจี ที่เอเซอร์จับใส่เข้ามาเพิ่มเพื่อเอาใจผู้ใช้ที่ต้องการออนไลน์แบบไร้ซึ่งข้อจำกัด เรียกได้ว่าอยู่แห่งหนตำบลไหนก็สามารถดูยูทูป เล่นเฟซบุ๊ค อ่านเว็บบอร์ดได้อย่างสบายๆ
ขณะที่ในส่วนของบอดี้ตัวเครื่องก็ยังคงไว้ด้วยขนาดเท่าเดิมคือ ประมาณ 10.1x7 นิ้ว วัสดุประกอบขึ้นจากโลหะ ให้ความรู้สึกแข็งแรง การประกอบอยู่ในเกณฑ์แน่นหนา ส่วนด้านทั้งสี่ของตัวเครื่องมีลักษณะลบมุมเป็นแนวโค้ง จึงทำให้ตัวเครื่องไม่ดูเป็นสี่เหลี่ยมทื่อๆ นอกจากนี้ บนหน้าจอของแท็บเล็ตยังไร้ปุ่มกดใดๆ (เนื่องจากสั่งงานจากการทัชสกรีนทั้งหมด) จึงทำให้ผู้ใช้รับชมการแสดงผลได้เต็มพื้นที่ 1280x800 พิกเซล พร้อมมัลติทัช
ส่วนความหนาของตัวเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 0.4 นิ้ว ด้านข้างของตัวเครื่อง จะพบกับปุ่ม Reset (ใช้สำหรับเมื่อแท็บเล็ตไม่ตอบสนองการทำงาน) , พอร์ทUSB, พอร์ท Mini USB และDC-in สำหรับชาร์ตแบต
ถัดมาที่ฝั่งซ้าย จะพบกับปุ่มพาวเวอร์ (กดค้างเพื่อเข้าสู่การชัดดาวน์/กดแล้วปล่อยเพื่อล๊อคหน้าจอ) , ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และสุดท้ายกับพอร์ท Mini-HDMI (โดยในกล่องไม่ได้แถมสาย HDMI มาให้ด้วย ผู้ใช้จะต้องซื้อแยก)
ส่วนตรงกลางด้านล่างจะเป็นตำแหน่งสำหรับพอร์ทเชื่อมต่ออุปกรณ์ Docking
ขณะที่ในส่วนด้านบนของตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มปรับเพี่ม-ลดเสียง และสลักสำหรับล็อคหน้าจอไม่ให้หมุนอัตโนมัติ ส่วนด้านบนเหนือช่องเสียบหูฟังจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าขนาดความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซล
และสำหรับด้านหลังตัวเครื่อง เมื่อพลิกกลับมา เราจะพบกับความเรียบที่แฝงมาด้วยความเท่กับพื้นผิวโลหะลายเส้น โทนสีเทาควันบุหรี่ เพิ่มลูกเล่นด้วย แถบสี่เหลี่ยมแนวยาวขนาบซ้าย-ขวา ส่วนด้านล่างทั้งสองฝั่งจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของลำโพง ตรงกลางโดดเด่นด้วยโลโก้แบรนด์ที่คุ้นตา ส่วนมุมขวาบนสุดเป็นที่อยู่ของกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายความความละเอียดสูงสุดได้ที่ 2592x1944 พิกเซล พร้อมไฟแฟลชแอลอีดี และออโตโฟกัส ส่วนในเรื่องของน้ำหนักตามสเป็คที่ระบุไว้ 730 กรัม ก็ถือว่าหนักอยู่ไม่น้อย และอาจจะไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องถือไว้นานๆ อย่างการพรีเซ็นต์งาน หรือถือดูหนัง
ส่วนด้านบนเหนือกล้องถ่ายรูปด้านหลังจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ MicroSD card และซิมการ์ด
และเมื่อเรานำมาเปรียบเทียบขนาดความหนากับกล่องดีวีดีจะเห็นได้ว่า ขนาดของตัวเครื่องแท็บเล็ตจะหนาน้อยกว่ากล่องดีวีดีเล็กน้อย
ส่วนในเรื่องของการใช้งานภายในเครื่อง หลักๆ แท็บเล็ตเครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติแอนดรอยด์ 3.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดล่าสุด พร้อมหน่วยประมวลผลขนาด 1 กิกะเฮิร์ตซ ระดับดูอัลคอร์ จึงทำให้การใช้งานไหลลื่น ไม่หน่วง ส่วนทัชสกรีนก็ตอบสนองดี ขณะที่การแสดงสีสันของภาพก็อยู่ในเกณฑ์ทั่วไป ไม่หวือหวามากนัก แต่อาจจะติดขัดในเรื่องของน้ำหนักที่เมื่อถือไปนานๆ จะรู้สึกได้ว่าหนักอยู่ไม่น้อย
ปิดท้ายกันด้วย ตารางคุณสมบัติจำเพาะของตัวเครื่อง
ชวนชม : Acer ICONIA TAB A501 แฝดน้องที่มาพร้อมกับฟีเจอร์สามจี
สำหรับ ICONIA TAB A501 เครื่องนี้ หลักๆ แล้ว คุณสมบัติหรือฟังก์ชั่นโดยรวมยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแท็บเล็ตตัวพี่มากเท่าใดนัก นอกเสียจากคุณสมบัติสามจี ที่เอเซอร์จับใส่เข้ามาเพิ่มเพื่อเอาใจผู้ใช้ที่ต้องการออนไลน์แบบไร้ซึ่งข้อจำกัด เรียกได้ว่าอยู่แห่งหนตำบลไหนก็สามารถดูยูทูป เล่นเฟซบุ๊ค อ่านเว็บบอร์ดได้อย่างสบายๆ
ขณะที่ในส่วนของบอดี้ตัวเครื่องก็ยังคงไว้ด้วยขนาดเท่าเดิมคือ ประมาณ 10.1x7 นิ้ว วัสดุประกอบขึ้นจากโลหะ ให้ความรู้สึกแข็งแรง การประกอบอยู่ในเกณฑ์แน่นหนา ส่วนด้านทั้งสี่ของตัวเครื่องมีลักษณะลบมุมเป็นแนวโค้ง จึงทำให้ตัวเครื่องไม่ดูเป็นสี่เหลี่ยมทื่อๆ นอกจากนี้ บนหน้าจอของแท็บเล็ตยังไร้ปุ่มกดใดๆ (เนื่องจากสั่งงานจากการทัชสกรีนทั้งหมด) จึงทำให้ผู้ใช้รับชมการแสดงผลได้เต็มพื้นที่ 1280x800 พิกเซล พร้อมมัลติทัช
ส่วนความหนาของตัวเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 0.4 นิ้ว ด้านข้างของตัวเครื่อง จะพบกับปุ่ม Reset (ใช้สำหรับเมื่อแท็บเล็ตไม่ตอบสนองการทำงาน) , พอร์ทUSB, พอร์ท Mini USB และDC-in สำหรับชาร์ตแบต
ถัดมาที่ฝั่งซ้าย จะพบกับปุ่มพาวเวอร์ (กดค้างเพื่อเข้าสู่การชัดดาวน์/กดแล้วปล่อยเพื่อล๊อคหน้าจอ) , ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และสุดท้ายกับพอร์ท Mini-HDMI (โดยในกล่องไม่ได้แถมสาย HDMI มาให้ด้วย ผู้ใช้จะต้องซื้อแยก)
ส่วนตรงกลางด้านล่างจะเป็นตำแหน่งสำหรับพอร์ทเชื่อมต่ออุปกรณ์ Docking
ขณะที่ในส่วนด้านบนของตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มปรับเพี่ม-ลดเสียง และสลักสำหรับล็อคหน้าจอไม่ให้หมุนอัตโนมัติ ส่วนด้านบนเหนือช่องเสียบหูฟังจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าขนาดความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซล
และสำหรับด้านหลังตัวเครื่อง เมื่อพลิกกลับมา เราจะพบกับความเรียบที่แฝงมาด้วยความเท่กับพื้นผิวโลหะลายเส้น โทนสีเทาควันบุหรี่ เพิ่มลูกเล่นด้วย แถบสี่เหลี่ยมแนวยาวขนาบซ้าย-ขวา ส่วนด้านล่างทั้งสองฝั่งจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของลำโพง ตรงกลางโดดเด่นด้วยโลโก้แบรนด์ที่คุ้นตา ส่วนมุมขวาบนสุดเป็นที่อยู่ของกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายความความละเอียดสูงสุดได้ที่ 2592x1944 พิกเซล พร้อมไฟแฟลชแอลอีดี และออโตโฟกัส ส่วนในเรื่องของน้ำหนักตามสเป็คที่ระบุไว้ 730 กรัม ก็ถือว่าหนักอยู่ไม่น้อย และอาจจะไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องถือไว้นานๆ อย่างการพรีเซ็นต์งาน หรือถือดูหนัง
ส่วนด้านบนเหนือกล้องถ่ายรูปด้านหลังจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ MicroSD card และซิมการ์ด
และเมื่อเรานำมาเปรียบเทียบขนาดความหนากับกล่องดีวีดีจะเห็นได้ว่า ขนาดของตัวเครื่องแท็บเล็ตจะหนาน้อยกว่ากล่องดีวีดีเล็กน้อย
ส่วนในเรื่องของการใช้งานภายในเครื่อง หลักๆ แท็บเล็ตเครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติแอนดรอยด์ 3.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดล่าสุด พร้อมหน่วยประมวลผลขนาด 1 กิกะเฮิร์ตซ ระดับดูอัลคอร์ จึงทำให้การใช้งานไหลลื่น ไม่หน่วง ส่วนทัชสกรีนก็ตอบสนองดี ขณะที่การแสดงสีสันของภาพก็อยู่ในเกณฑ์ทั่วไป ไม่หวือหวามากนัก แต่อาจจะติดขัดในเรื่องของน้ำหนักที่เมื่อถือไปนานๆ จะรู้สึกได้ว่าหนักอยู่ไม่น้อย
ปิดท้ายกันด้วย ตารางคุณสมบัติจำเพาะของตัวเครื่อง