เนื้อหานี้มีการ Spoil และเล่าเรื่องละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
สวัสดีครับ,
อีกไม่กี่วันจะถึงปีใหม่แล้ว (A.D 2011) ผู้เขียนจึงสละเวลาเพื่อเขียนบทความส่งท้ายปีนี้เกี่ยวกับเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime เนื่องจากผู้เขียนเป็นสาวก Macross Series มาตั้งแต่ภาคแรก
และผู้เขียนมีสมการหนึ่งคือ หุ่นยนต์ + เครื่องบิน + Idol = (Macross = Epic Win!!)
ดังนั้นจึงตั้งใจเขียนบทความอย่างเต็มที่โดยผู้เขียนพยายามเผางานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนภาพข้างล่างเป็นของสะสมของผมครับ มี 2 ชิ้นเอง (เฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime)
Macross คือ เรื่องราวเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาว ซึ่งฝ่ายมนุษย์โลกมีอาวุธที่สำคัญคือ ยานรบ Macross ที่สามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ยักษ์
และ Variable Fighter คือเครื่องบินที่สามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ นอกจากนี้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก และนักร้อง Idol อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเนื้อหาเรื่องนี้
สำหรับจำนวนภาค(หลัก)ของ Macross ได้แก่[1]
(HirokawaK at Pixiv.net [17-07-2008])
- The Super Dimension Fortress Macross (Macross ภาคแรก) (ปี 1982 1983)
- Macross II (ปี 1992)
- Macross Plus (ปี 1994)
- Macross Seven (ปี 1994-1995)
- Macross Zero (ปี 2002-2004)
- Macross Frontier (ปี 2008)
(Hoshinoyen@AYA at Pixiv.net [28-11-2008])
ส่วนตัวของผู้เขียนชอบเพียง 3 ภาคคือ
อันดับที่ 1 ผู้เชียนชอบภาค Macross Zero มากที่สุด เพราะการรบและการต่อสู้ที่มีความสมจริง การออกแบบ VF-0 Phoenix สวยงาม ที่สำคัญ เนื้อเรื่องมีความลุ่มลึกเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่ต้นถึงตอนจบ
อันดับที่ 2 ผู้เขียนชอบภาค Macross ภาคแรกที่ออกฉายทางโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1982 1983 มีจำนวนทั้งหมด 36 ตอน ผู้เขียนได้รับชมเรื่องนี้ตอนอายุ 7 ขวบ
สมัยนั้นถือว่าเป็น Anime ที่สุดยอดมากในด้านต่างๆ เช่น ความสมจริงของการรบ การขับเครื่องบินและหุ่นยนต์ที่รวดเร็วและสุดยอดเหนือมนุษย์ ความเท่ของพระเอกและกัปตัน ฯลฯ
ถ้าใครเคยชม anime เรื่องนี้ คงจะจำเพลง Opening ที่มีคำร้องคำว่า Macross~ Macross~ ได้อย่างแน่นอน!! (แม้ว่าช่วงนั้นมี Macross Seven ทางช่อง IBC ก็เถอะ...)
ผู้เขียนเคยดูเรื่องนี้ในรูปแบบ VHS (The Video Home System) หรือคนทั่วไปเรียกว่า ม้วนวีดีโอ ซึ่งมีบริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยคือ Video Square จำกัด (ถ้าจำไม่ผิด)
เจ้าของสโลแกนยอดฮิตตรง Opening ทุก Anime ว่า บริษัท Video Square จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 2790061 2710069 เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย (มีเสียง Echo หรือเสียงสะท้อนท้ายประโยคด้วยนะเออ)
และถ้าใครเคยดู Doraemon จากบริษัทนี้ จะมีเสียงตรง Opening เพิ่มเติมว่า การ์ตูนมหาอมตะนิรันกาล Doraemon (Old Trap ชัดๆ)
อันดับที่ 3 ผู้เขียนชอบภาค Macross Frontier เพราะตัวละคร Moe และเพลงไพเราะ โดยเฉพาะตัวละครชื่อ Ranka Lee เวลาที่เธอร้องเพลงและทำท่า Ranka Wink ไปด้วย
มัน Moe ที่สุดในทางช้างเผือกจริงๆ (ชาบู ชาบู~ Ranka Lee)
Macross Frontier มีเนื้อเรื่องในปี ค.ศ. 2059 (ถัดจากเนื้อเรื่องภาคแรกถึง 47 ปี) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยานอาณานิคมของ New U.N. Spacy (N.U.N.S) หมายเลข 25 ที่ชื่อว่า Macross Frontier
มีภารกิจเดินทางบริเวณทางช้างเผือก เพื่อค้นหาสถานที่ตั้งอาณานิคมบนอวกาศ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Saotome Alto เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ประสบกับเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวโจมตีอาณานิคมแห่งนี้ และเขาบังเอิญเจอ Ranka Lee พร้อมกับ Sheryl Nome และแล้ว... ชะตากรรมทั้ง 3 คนจึงเริ่มต้นจากจุดนี้...
อนึ่ง Anime เรื่อง Macross Frontier : Itsuwarino Utahime เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 November 2009 มีเนื้อหาเช่นเดียวกับภาค Macross Frontier แต่มีการตัดทอนเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และเพิ่มเหตุการณ์บางส่วนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของเนื้อหาในแบบฉบับ Movie โดยเฉพาะ[2]
Game
Detail :
Name (Japanese) : マクロスエース フロンティア
Name (English) : Macross Ace Frontier
Release Date : 09 October 2008
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/acefrontier
Other Website : Play-Asia.com
Rating : CERO A (Free)
Catalog No. : ULJS-00158
Item Code : 4582224492299
Price (Japanese) : 5,040 Yen
Price (US) : US$ -
Price (Thai) : - Baht
เกม Macross Ace Frontier เป็นเกม Action Shooting ของเครื่อง PSP (PlayStation Portable) ซึ่งผลิตและสร้างสรรค์โดย Artdink ผู้จัดจำหน่ายคือ Bandai Namco
Gameplay
พื้นฐานของเกมนี้คือ ตัวผู้เล่นได้รับบทบาทเป็นตัวละครเฉพาะของเกมนี้ (Original Characters) ผู้เล่นต้องขับเครื่องจักรที่เป็นหุ่นยนต์หรือเครื่องบินสู้กับศัตรูภายในเกม
ซึ่งเครื่องจักรและเนื้อเรื่องภายในเกมที่ปรากฏอยู่นี้ อ้างอิงเนื้อหาจาก Anime เรื่อง Macross Series ได้แก่
- Macross + Macross : Do You Remember Love?
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Frontier
ถ้าคุณเคยชม Anime เหล่านี้คุณจะทราบว่าเครื่องจักรในโลกของ Macross มีหลากหลายมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็น Variable Fighter หรือย่อสั้นๆว่า VF มากกว่า ซึ่งเครื่องบินนี้สามารถแปลงร่างได้ 3 ระดับคือ
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Fighter Mode เป็นโหมดเครื่องบิน มีจุดเด่นคือ ใช้ความเร็วสูงเพื่อเข้าประชิดศัตรูได้สะดวก, เหมาะสำหรับการยิงและหลบ Missile ส่วนข้อเสียคือ การขับเครื่องบินและการยิงกระสุนค่อนข้างลำบาก
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Gerwalk Mode เป็นโหมดครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่นยนต์ เหมาะสำหรับการโจมตีพื้นฐานทุกชนิดและทุกสมรภูมิ เช่น การใช้ปืนยิงและ Missile แต่มีข้อเสียคือการโจมตีระยะประชิดกลับไม่รวดเร็วและไม่ต่อเนื่อง
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Battroid Mode เป็นโหมดหุ่นยนต์ เหมาะสำหรับการรบภาคพื้นดินและการโจมตีระยะประชิดเท่านั้น
สำหรับอาวุธโจมตีภายในเกมมีอยู่ 3 แบบ มีรายละเอียดดังนี้
- Guns ซึ่งมีทั้งกระสุนปืนหรือกระสุนพลังงานแสง แล้วแต่ชนิดของหุ่น
- Missiles เป็นจรวดติดตามตัว ซึ่งภายในเกมจะติดตามตัวเป้าหมายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และจะระเบิดตัวเอง
- Hand-To-Hand Combat เป็นการใช้มือเปล่าโจมตี เหมาะสำหรับการโจมตีประชิด
Macross Ace Frontier มียอดจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 96,303 ชุด[3]
Game System
เมื่อเริ่มเล่มเกมครั้งแรก ผู้เล่นต้องเลือกเพศตัวละครของตนคือ เพศชายหรือเพศหญิง และเลือกอายุตามต้องการ (อายุจะผันแปรความสามารถของตัวละคร ผู้เขียนขอแนะนำให้เลือกอายุประมาณ 25 ปี)
ต่อมาเลือกชื่อของตัวละคร เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับข้อมูลของผู้เล่น ถัดมาจึงเป็นการใส่ข้อมูลคู่หูของคุณ และเลือก Operator ที่ผู้เล่นชื่นชอบ
สุดท้ายจึงเป็นการเลือกภาคของ Macross Series ผู้เขียนขอแนะนำให้เล่นภาค Macross Frontier ก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเล่นง่ายที่สุด แต่ถ้าผู้เล่นต้องการทราบเนื้อเรื่องของเกมทั้งหมด ผู้เขียนขอแนะนำให้เล่นภาคแรก
ถ้าผู้เล่นเลือกเล่น Macross ภาคแรก และเล่นถึง Mission# 6 ผู้เล่นจะพบว่าตัวผู้เล่นและคู่หูอยู่ในฉากที่เป็น Dome ขนาดใหญ่ ภารกิจคือ ต้องกำจัดศัตรูที่ออกมาทั้งหมด 4 ชุด เมื่อผู้เล่นสามารถกำจัดศัตรูได้ 3 ชุดทั้งหมด
ศัตรูชุดสุดท้ายจะปรากฏตัวคือ Ichijyo Hikaru เป็นพระเอกจาก Macross ภาคแรกและคู่หู เขามาปรากฏตัวสู้กับเรา...กรุณาอย่าลืมว่าเขาเป็นพระเอก แน่นอนว่าต้องเก่งขั้นเทพและขี้โกงอย่างที่สุด!!
ผู้เขียนลองใช้ VF ที่ได้รับมาตั้งแต่ต้นเกมและไม่พัฒนาหุ่นใดๆเลย สู้กับเขาแบบธรรมดาจนสามารถล้มเขาได้ถึง 2 ครั้งจากการเล่น 60 รอบ... Fluk
(หมายเหตุ : แม้ว่าคุณใช้หุ่นที่ดีและพัฒนาหุ่นอย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณโจมตีไม่รวดเร็วและใจเย็น โอกาสที่คุณจะพ่ายแพ้มีอยู่สูงมาก!!)
แม้ว่าบางฉากการรบภายในเกม มีอาการกระตุกและหนืดบ่อยครั้ง เช่น Macross ภาคแรก Mission# 9 ชื่อว่า Present For You แต่ความสนุกของเกมกลับไม่ลดลงจนสร้างความรำคาญให้แก่ผู้เล่นมากนัก
แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของเกมคือ มุมกล้อง เนื่องจากทำให้วิสัยทัศน์และการวางแผนการรบของผู้เล่นสะดุดลงทันที เช่น เมื่อเราขับ VF อยู่ใต้ยานแม่ของฝ่ายศัตรู
มุมกล้องของเกมจะบีบแคบลงจนต้องหาวิธีหนีแทนพุ่งเข้าหาการโจมตี เป็นต้น (ถ้าไม่หนีก็โดนปืนใหญ่ของยานแม่ฝ่ายศัตรูยิง VF ของผู้เล่นทิ้ง)
นอกจากนี้ถ้าใครเคยดู Anime เรื่อง Macross คุณจะพบว่า คนขับหุ่น VF บางคนมีความสามารถการขับหุ่นขั้นเทพและเท่มาก เช่น พระเอกขับเครื่องบินพุ่งหาเป้าหมายที่เป็นตึก แต่ก่อนที่เครื่องบินจะถึงตัวตึกไม่กี่เมตร
เขาจะเปลี่ยนเครื่องบินที่เขาขับอยู่เป็นโหมดครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่นยนต์ (Gerwalk Mode) เพื่อเบรกความเร็วภายในเสี้ยววินาที พร้อมกับหันหัวเครื่องบินไปบนฟ้าระดับ 180 องศา ทันใดนั้นเขาก็กลับมาใช้โหมดเครื่องบิน (Fighter Mode)
และเร่งเครื่องเต็มที่เพื่อพุ่งขึ้นบนฟ้า ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ใช้สำหรับหลบ Missile ติดตามตัวที่น่ารำคาญ แต่ถ้าผู้เล่นจะลองใช้วิธีที่ได้กล่าวมานี้กับเกม Macross Ace Frontier ของเครื่อง PSP ผู้เขียนค้นพบว่า เป็นไปไม่ได้
เพราะผู้เขียนเคยลองใช้วิธีนี้จนถึงขั้นตอนที่ต้องนำเครื่องบินพุ่งขึ้นบนฟ้าระดับ 180 องศา ปรากฏว่าเครื่องบินมันพุ่งขึ้นช้ามากทั้งๆที่กดปุ่มเร่งความเร็วเต็มที่และเครื่องบินไม่ได้โดนตัวตึกแม้แต่น้อย
เมื่อใดที่ผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จหรือล้มเหลว จะได้ค่า Tune Point ทุกครั้ง ซึ่งค่านี้นำไปใช้เพื่อพัฒนาหุ่นที่ผู้เล่นใช้งานอยู่ในภารกิจนั้นๆ กล่าวคือ ถ้าผู้เล่นใช้ VF-1 ในการทำภารกิจ ค่า Tune Point จะเพิ่มให้กับ VF-1 เท่านั้น
อนึ่งค่า Tune Point จะถูกคิดคะแนนตามระดับความสามารถของผู้เล่น คือ จำนวนที่โจมตีศัตรูได้, จำนวน HP ที่เหลือ, เวลาในการทำภารกิจ และการทำ Combo
เมื่อรวมคะแนนทั้งหมดจึงจะคิดคำนวน Rank และ Tune Point ที่ผู้เล่นจะได้รับตามความสามารถ
สำหรับการพัฒนาหุ่น (หรือเรียกว่าการจูนหุ่น) ผู้เล่นสามารถพัฒนาหุ่นได้อย่างอิสระ อาทิ ต้องการพัฒนาหุ่นให้มี HP จำนวนมากขึ้น, อาวุธโจมตีศัตรูแรงขึ้น, เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น หรือการเติมกระสุนเร็วขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถยกเลิกการพัฒนาหุ่นที่ได้กระทำเอาไว้แล้วได้ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการพัฒนาหุ่น เช่น จำนวน Tune Point ที่ถูกจำกัดการพัฒนาไว้ในแต่ละหุ่นไม่เหมือนกัน
และการพัฒนาหุ่นในบางความสามารถไม่สามารถกระทำได้ในหุ่นบางรุ่น
ส่วนจำนวนกระสุนภายในเกมนี้ไม่มีจำกัด (อนันต์) แต่ใช้ระบบ ชุดกระสุน แทน ยกตัวอย่างเช่น VF ที่ผู้เล่นขับมีกระสุนปืนอยู่ทั้งหมด 250 นัด ถ้าผู้เล่นใช้กระสุนปืนจนหมด 250 นัด
จำเป็นต้องรอช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อเติมกระสุนอัตโนมัติ ซึ่งใช้เวลานาน ยกเว้นผู้เล่นจะเพิ่มค่าความสามารถหุ่นจึงจะช่วยลดระยะเวลาเติมกระสุนได้
อนึ่งการเติมกระสุนจะเกิดขึ้นต่อเมื่อกระสุนหมดเท่านั้น แม้ว่าผู้เล่นจะเหลือกระสุนเพียง 1 นัดและไม่ได้ใช้กระสุนนั้นเป็นเวลานานก็ตาม
กล่าวโดยสรุป เกมนี้ผู้เล่นต้องมีทักษะเชี่ยวชาญในการรบ, การวางแผน และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วเพื่อที่จะสามารถทำภารกิจสำเร็จลุล่วงให้จงได้!!
Detail :
Name (Japanese) : マクロスアルティメットフロンティア
Name (English) : Macross Ultimate Frontier
Release Date : 01 October 2009
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/ultimate/
Other Website : Play-asia.com
Rating : CERO A (Free)
Catalog No. : ULJS-00223
Item Code : 4582224492992
Price (Japanese) : 7,329 Yen
Price (US) : US$ -
Price (Thai) : - Baht
เป็นเกมภาคที่ 2 มีจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 84,402 ชุด[4] ภาคนี้มีการปรับปรุง Interface ของเกมให้สวยงามมากขึ้น
เช่น มีภาพการออกตัวของ Idol ที่มาให้กำลังใจกลุ่มของเราที่อยู่ในสมรภูมิ เป็นต้น นอกจากนี้อาวุธและวิธีการโจมตีเพิ่มขึ้นมากกว่าภาคแรก
ส่วนภาคนี้ได้ทำการเพิ่มจำนวนของ Macross Series ขึ้นอีก 2 ภาค รวมทั้งหมดเป็น 6 ภาคได้แก่
- Macross + Macross : Do You Remember Love?
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Dynamite Seven
- Macross Zero
- Macross Frontier
สำหรับของที่มาในชุด Limited edition คือแผ่น UMB ที่มีเนื้อหาของ Macross เกี่ยวกับการเปิดตัว Anime และ Movie ของภาค Macross Frontier
ซึ่งคุณ Kawamori Shoji ตำแหน่ง Producer เป็นผู้รับผิดชอบ Anime เรื่องนี้
Detail :
Name (Japanese) : マクロストライアングルフロンティア(イツワリノウタヒメパック)
Name (English) : Macross Triangle Frontier Itsuwari no Utahime
Release Date : 02 February 2011
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/
Other Website : Play-asia.com
Cdjapan.co.jp
Rating : CERO B (12+)
Catalog No. : ULJS-00369
Item Code : 4582224493999
Price (Japanese) : 7,329 Yen
Price (US) : US$ 99.90
Price (Thai) : 3,034 Baht
เป็นเกมภาคที่ 3 พื้นฐานของเกมนี้คือ ผู้เล่นเป็นตัวละครเฉพาะของเกมนี้ (Original Characters) ผู้เล่นต้องดำเนินเรื่องราวชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับตัวละครจาก Macross Frontier โดยตรง
ที่สำคัญผู้เล่นสามารถจีบสาว (หรือจีบหนุ่ม) ตามแต่สถานการณ์เหมือนเกมจีบสาวทั่วไป ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือพื้นฐานใน Academy Mode ที่เพิ่มเติมขึ้นภายในเกม
นอกจากนี้ ผู้เล่นสามารถเลือก Macross Series อื่นๆได้ โดยที่ผู้เล่นมีภารกิจขับเครื่องจักรที่เป็นหุ่นยนต์หรือเครื่องบินต่อสู้กับศัตรูภายในเกม ซึ่งเครื่องจักรและเนื้อเรื่องภายในเกมนั้นอ้างอิงจากเนื้อหาของภาคต่างๆ ได้แก่
- Macross
- Macross : Do You Remember Love?
- Macross II
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Seven : Encore
- Macross Zero
- Macross Frontier
- Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime
สำหรับของที่มาในชุด Limited edition ได้แก่
- กล่องเกมพิเศษ
- แผ่น UMB จากเรื่อง Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime
นอกจากนี้ ผู้ที่สั่งซื้อเกมชุดแรก (First Print Edition) จะได้รับ
- Film จากเรื่อง Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime รูปแบบ UMB
Detail :
Name (Japanese) : 劇場版マクロスF ~イツワリノウタヒメ~ ハイブリッドパック
Name (English) : Macross Frontier : Itsuwari no Utahime - Hybrid Pack
Release Date : 07 October 2010
Platforms : PS3 (PlayStation 3)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://www.macrossf.com/movie/blu_ray.html
Other Website : Play-asia.com
Cdjapan.co.jp
Rating : CERO B (12+)
Catalog No. : BLJS-93001
Item Code : 4582224493630
Price (Japanese) : 7,140 Yen
Price (US) : US$ 81.01
Price (Thai) : 2,446.04 Baht
Macross Frontier : Itsuwari no Utahime - Hybrid Pack คือแผ่น Blue-ray จำนวน 1 แผ่น ซึ่งมีเนื้อหาอยู่ 2 ส่วนคือ
- Anime เรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime (Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
และมีเนื้อหาเพิ่มเติมอีก 30 นาที ส่วนใหญ่เป็นโฆษณาและเนื้อหาที่ตัดทอนลงไป[5]
- Game for Ps3 ชื่อว่า Macross Trial Frontier (ต้องนำแผ่นไปใช้กับเครื่อง PS3 เท่านั้น)
Macross Trial Frontier คือเกม Promote ทดลองเล่น ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 ฉาก และแต่ละฉากมีความสั้นมาก กล่าวคือ จำนวนศัตรูมีน้อยมากและผู้เล่นสามารถจบภารกิจเพียง 2-5 นาทีต่อฉากเท่านั้น
สำหรับระบบการเล่นเหมือนเกมเวอร์ชั่นเครื่อง PSP แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวละครหรือพัฒนาหุ่นที่ต้องใช้ในภารกิจได้ ที่สำคัญเนื้อเรื่องภายในเกมไม่เกี่ยวข้องกับ Macross Frontier : Itsuwari no Utahime โดยตรง
ส่วนผู้ที่สั่งซื้อเกมชุดแรก (First Print Edition) จะได้รับ
- Film จากเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime ฉบับ Blue-ray
Macross Frontier Movie ~Itsuwari no Utahime~ มียอดจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 143,851 ชุด[6]
หมายเหตุ : ร้านค้าส่วนใหญ่จัดเรื่องนี้ให้อยู่ในกลุ่มของเกม มิใช่กลุ่มของ Anime
The Story : Macross Frontier ~Itsuwari no Utahime~
(Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Sheryl Nome นักร้องชื่อดังฉายา นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก เดินทางมาที่ยานอาณานิคมหมายเลข 25 ที่ชื่อว่า Frontier เพื่อเปิดงาน Concert ของเธอที่นี่
Saotome Alto เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เป็นนักเรียนศูนย์ฝึกอบรมการบิน เขามีบัตรชม Concert ของ Sheryl เนื่องจากเขาได้รับหน้าที่เป็นนักแสดงตัวประกอบของงาน Concert นี้
พอดีที่ Ranka Lee เด็กสาวอายุ 16 ปี เธอคือเพื่อนสนิทของเขา และเธอชื่นชอบ Sheryl มาก เขาจึงมอบบัตรชม Concert ให้แก่เธอ ซี่งเธอดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นในที่ทำงานพิเศษ
เมื่อถึงวันงานแสดง Concert เป็นเวลาเดียวกับที่ศัตรูไม่ทราบฝ่าย (มนุษย์ต่างดาว) โจมตีบริเวณนอกยานอาณานิคม ทั้งๆที่การแสดง Concert ของ Sheryl ยังไม่จบ
Alto สงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จึงเดินออกมาข้างนอกอาคารเพื่อยืนดูสถานการณ์ แต่ Sheryl กลับเดินตามเขาออกมาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นศัตรูไม่ทราบฝ่ายเริ่มโจมตีเข้ามาในอาณานิคม
และเผอิญไปโจมตีโดนบริเวณที่พวกเขายืนอยู่!! ทำให้ทั้งคู่กระเด็นออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว! โชคดีที่ทั้งคู่ตั้งสติได้ทันจึงไม่บาดเจ็บเท่าไรนัก...
ตอนนี้ทั้งคู่รู้แล้วว่า ศัตรูไม่ทราบฝ่ายที่เข้ามาบุกโจมตีอาณานิคมคือ Vajra เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่ง
ฉับพลันนั้นศัตรูที่เข้ามาโจมตีอาณานิคมแห่งนี้เจอ Sheryl อยู่บนถนนคนเดียว และมันกำลังจะโจมตีหล่อน!! เคราะห์ดีที่ Alto เข้ามาช่วยเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด!!
ไม่นานนัก Alto บังเอิญไปเจอ VF-25 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ถูกจอดทิ้งไว้บนถนนเพราะคนขับเสียชีวิตจากการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว ทำให้เขาตัดสินใจ ขึ้นไปขับหุ่นแทน...
บังเอิญเหลือเกินที่ Ranka ล้มลงอยู่บริเวณที่มนุษย์ต่างดาวกำลังอาละวาดอยู่ และเธอกำลังโดนโจมตี! Alto ไม่รอช้า จึงใช้ปืนยิงจนกระสุนหมด และเขากำลังจะเสียท่า!!
โชคดีที่ Ozma Lee ผู้เป็นพี่ชายของ Ranka และเป็นหัวหน้าหน่วย S.M.S มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ทัน แต่เหตุการณ์นี้ Ozma ต้องแลกกับบาดแผลสาหัส!!
เมื่อ Ranka เห็นดังนั้นจึงตกใจร้องตะโกนเรียกพี่ชาย ซึ่งเสียงตะโกนนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาหนึ่งจน Vajra ชะงัก และโดนปืนยิงจากข้างหลังจนมันล้มลงในเวลาต่อมา...
บัดนี้ความวุ่นวายจบลงแล้ว... Ozma อยู่ที่โรงพยาบาลอย่างปลอดภัย Vajra ถูกกำจัดทิ้งทั้งหมด และปรากฏให้เห็นถึงความเสียหายที่ใหญ่หลวง...
ทางรัฐบาลอาณานิคมแห่งนี้สงสัยว่าเหตุการณ์มันประจวบเหมาะเกินไป และน่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มของ Sheryl จึงทำการสืบสวนทางลับเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากที่ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ... ในวันหนึ่ง ช่วงเวลาโพล้เพล้... Alto เจอ Ranka ร้องเพลงที่ใต้ต้นไม้ เขาจึงชวนเธอพูดคุยเรื่องต่างๆ
ไม่นานนัก Sheryl ที่หลบหลังรูปปั้นยักษ์มาทัก Ranka ว่า เธอร้องเพลงได้ไพเราะดีนะ เธอชื่ออะไร? RRanka Lee คะ เธอพูดตะกุกตะกักเพราะความตื่นเต้นที่ได้เจอ Idol ที่เธอชื่นชอบ
เธอรู้จักเพลง Aimo ด้วยหรือ? Ranka ตกใจพอสมควร กับการยิงคำถามแบบไม่อ้อมค้อมของ Sheryl นี้ แต่ก่อนที่ Ranka จะพูดอะไรต่อไปนั้น...
โทรศัพท์มือถือของ Sheryl ดังขึ้น เพราะมีคนตามตัวเธอไปทำงาน ซึ่ง Sheryl ไม่มีทางเลือก จึงขอตัวทั้งคู่ไปทำธุระด่วนของเธอทันที
เวลานี้ Alto ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษอย่างเต็มตัว (S.M.S) วันรุ่งขึ้น Sheryl มาหาเขา เพราะมีของสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับเธอหายไป เธอจึงอยากให้ Alto ช่วยหาของสิ่งนั้นให้หน่อย (ตุ้มหู)
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ก็ไป Date ในเมืองด้วยกัน โดยที่ Alto ไม่ได้เต็มใจนัก... Sheryl บอกกับ Alto ว่า...
เพลง Aimo นี้ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว และฉันพึ่งค้นพบครั้งแรกว่ามีคนร้องเพลงนี้ได้เหมือนกับฉันด้วย...มันคงเป็นเพลงแห่งโชคชะตาละมั้ง?
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของสองพี่น้องตระกูล Lee ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันเรื่อง Ranka อยากเป็น Idol จนสุดท้ายเธอตัดสินใจหนีออกจากบ้านพร้อมกับเดินทางไปสถานที่ต่างๆอย่างไร้จุดหมาย
ทาง Ozma จึงโทรศัพท์หา Michael Blanc ซึ่งมีสถานะลูกน้อง และสั่งให้เขาเดินทางไปช่วยดูแล Ranka ให้เขาหน่อย... ตอนนี้ Michael จำใจต้องติดตาม Ranka ไปทุกหนทุกแห่งและกล่อมให้เธอกลับบ้าน
แต่ทาง Ranka กลับดื้อดึงเป็นอย่างยิ่งเพราะเธอมุ่งมั่นอยากเป็น Idol จริงๆ ถ้าเธออยากเป็น Idol จริงๆ ลองทดสอบความกล้าด้วยการร้องเพลงที่กลางเมืองตอนนี้ดูสิ!! ถ้าเธอมีคุณสมบัติการเป็น Idol
เหตุที่ Michael พูดเช่นนี้เพราะเขาไม่พอใจ Ranka ที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจมากเกินไป...
ตอนนี้ Ranka กำลังยืนนึกถึงเครื่องบินกระดาษที่ Alto ชอบส่งมันไปที่ท้องฟ้า... เครื่องบินกระดาษนี้มันคงเป็นตัวแทนของความอิสระและความกล้าหาญที่จะโบยบิน...
Ranka จึงร้องเพลงที่กลางเมืองนั้นจนปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ แต่เธอหารู้ไม่ว่าตั้งแต่อออกจากบ้านมานี้ เธอกำลังโดนสะกดรอยตามจากเจ้าหน้าที่ของกลุ่ม Sheryl อยู่...
ครั้นถึงตอนเย็น... Ranka ได้เห็น Sheryl จูบกับ Alto ซึ่งทำให้ Ranka ตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ทันใดนั้นได้มีชายแก่ที่เป็นแมวมองเดินมาหา Ranka เพราะเขาสนใจความสามารถของ Ranka ตอนที่เธอร้องเพลงกลางเมืองเมื่อสักครู่นี้
เขาจึงชวนเธอไป Debut กับบริษัทของเขา เมื่อ Ranka ได้ยินดังนั้นจึงดีใจมากจนลืมเรื่องของ Alto และตอบรับคำเชิญชวนนั้นทันที หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นไม่นาน เธอเลิกหนีออกกจากบ้านเพราะพี่ของเธอยอมรับความมุ่งมั่นที่เธออยากจะเป็น Idol
จนสุดท้ายเธอได้เป็น Idol สมใจ ส่วน Alto กำลังโดนฝึกทหารอย่างหฤโหดจนทำให้เขาไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ Ranka อีกเลย...
ยามค่ำคืนวันหนึ่ง Alto ได้พบกับ Ranka ที่กำลังยืนรอเขาอยู่ เธอพูดว่า เพราะ Alto แท้ๆ ฉันจึงมีวันนี้ เพราะเธอให้กำลังใจฉัน จนฉันบินได้แล้วนะ... บินเหมือนเครื่องบินกระดาษที่ Alto ชอบส่งมันขึ้นไปที่ท้องฟ้านั่นแหละ...
บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อยู่บนรถไฟ... Alto ได้เล่าเรื่องของ Sheryl ที่เขาพบเจอมา และเล่าเรื่องชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ดีของตัวเขาเองให้ Ranka ฟังว่า
ผมอยู่ในตระกูลนักแสดง จึงถูกฝึกให้เป็นนักแสดงตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อผมทำการแสดงไปนาน ทำให้ผมรู้สึกกลัวพลังบางสิ่งบางอย่างที่อาจทำให้ตัวตนของผมถูกลบเลือนไป... ผมจึงออกจากวงการนักแสดงนั้น...
Ranka จับมือเขาและหลับตาพูดให้กำลังใจว่า Alto ก็คือ Alto นั่นแหละ ไม่มีทางที่จะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น... เมื่อ Alto ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มตอบและกล่าวขอบคุณ Ranka
วันต่อมา Alto แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ Ozma สันนิฐานว่า Sheryl อาจเป็นสายลับ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Vajra ที่มาโจมตีอาณานิคมแห่งนี้
ลองคิดดูสิว่าทำไมเธอถึงยอมคบกับนาย ก็เพราะว่า Ranka เป็นคนเดียวของครอบครัวนักวิจัย Vajra ที่รอดชีวิตในดินแดน Galia 4 และนายเป็นคนสำคัญสำหรับเธอ
คำพูดนี้เองที่ทำให้ Alto นึกถึงคำพูดของ Sheryl เกี่ยวกับเพลง Aimo ของ Ranka ทันที! ทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดมันช่างสอดคล้องกันพอดีเสียจริง! หรือว่า...!?
ขณะเดียวกัน Ranka ได้พบมนุษย์ต่างดาวสีเขียวตัวเล็กน่ารักคล้ายกระรอก ในระหว่างทางที่เธอกลับบ้าน เธอจึงนำมันกลับมาที่บ้านด้วย
ในเวลาเดียวกัน Alto ได้พบสิ่งของที่ Sheryl ทำหายไปนั้นคือ ตุ้มหู ตกอยู่บริเวณปีกของเครื่องบิน และทันใดนั้นเสียโทรศัพท์ของ Alto ดังขึ้น! ที่แท้ Sheryl โทรศัพท์นัดให้มาพบกันที่สวนสาธารณะเพราะเธอมีเรื่องที่อยากจะพูดคุย...
ขณะนี้เวลา 01.00 น. ระหว่างที่ Sheryl กำลังรอ Alto อยู่นั้น บังเอิญที่ Ranka เดินทางมาที่สวนสาธารณะด้วยเช่นกัน เพราะเธอกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อ Ranka เผชิญหน้ากับ Sheryl ทำให้เธอรู้สึกเขินอายและดีใจที่ได้พบกับ Idol ของเธอ ทาง Sheryl เหมือนล่วงรู้ว่า Ranka กำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงยิ้มและกล่าวว่า
ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกับ Alto เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และเธอหยิบบัตรชม Concert ของเธอให้ Ranka เธอและ Alto ไปชม Concert ของฉันให้ได้นะ...
หลังจากที่พวกเธอพูดคุยซักพัก Sheryl ร้องเพลงให้ฟัง จน Ranka ร้องเพลงตามด้วย ทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวที่ Ranka เก็บมาเลี้ยงมันเปล่งแสงออกมา... เหมือนกับว่าตัวมันมีปฏิกิริยากับเสียงเพลงของ Ranka!!
เธอมาจากดาว Galia 4 ใช่ไหม? ฉันก็เกิดที่ดาวดวงนี้เหมือนกัน Sheryl ยิงคำถามทันที แต่ Ranka กลับตอบได้เพียงว่า ฉันจำเรื่องราวสมัยเด็กไม่ได้เลยคะ... ทันใดนั้น Ranka เห็นภาพ 3 ภาพ...
หนึ่งในภาพนั้นเป็นหญิงชราที่มีตุ้มหูเหมือนกับของ Sheryl อย่างไม่มีผิดเพี้ยน!! และแล้วมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวกลับกระโดดหนี ซึ่งทำให้ทั้งคู่ช่วยกันวิ่งตามจับมัน
พอดีที่ Alto กำลังเดินมาถึงสวนสาธารณะ เห็น Sheryl กำลังวิ่งไล่ตาม Ranka เขาจึงรีบวิ่งไปผลัก Sheryl และบอกกับเธอว่า เธอเป็นสายลับจริงๆสินะ!!
ตอนนี้ Ranka รู้แล้วว่า Alto เข้าใจผิดจึงบอกความจริงแก่เขา แต่มันสายไปเสียแล้ว... Sheryl รู้สึกผิดหวังในตัวของ Alto และเดินจากพวกเขาไป...
เมื่อถึงรุ่งอรุณ...วันนี้เป็นวันงานแสดง Concert ของ Sheryl ทางกองทัพต่างๆเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่เพราะคาดว่าในวันนี้คงจะมีสงครามอย่างแน่นอน
ในขณะนั้นที่ห้องของ Alto เอง เขากำลังนั่งมองตุ้มหูอย่างงวยงงและสงสัย เขาจึงลองไปจับมันอีกครั้ง...คราวนี้เขารู้สึกถึงเจ็บปวด!! ความเจ็บปวดนี้มันแทรกซึมไปทั่วทั้งทางร่างกายและจิตใจ... ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยรู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆเลย...
เขาสงสัยว่าตุ้มหูนี้ อาจเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของเจ้าของได้ เขาจึงลองใส่ตุ้มหูดู...ปรากฏว่าภาพความเจ็บปวดของ Sheryl ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผุดขึ้นมาในสมองของเขา
และเขากำลังได้รับความเจ็บปวดไปทั่วทั้งทางร่างกายและจิตใจเหมือน Sheryl ที่ได้รับ!! Sheryl!!! เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โหยหา และตอนนี้... เขาเข้าใจถึงความรู้สึกของ Sheryl ทุกอย่างแล้ว
เขาเข้าใจแล้วว่า ใบหน้าของเธอที่มีแต่รอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความทุกข์ไว้ในใจ... มันคือความลำบากและความโดดเดี่ยวเดียวดายที่เธอได้รับมาตลอดทั้งชีวิต...
Alto รีบไปหา Sheryl ที่งานแสดง Conceชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาแสดงเพราะเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมจัดฉาก... เขาพบว่าเธอกำลังยืนเหม่อลอยอยู่ เขาจึงขอโทษ Sheryl เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
แต่เธอกลับพูดไล่เขาออกไปจากที่นี่ ก่อนที่ผมจะกลับ...ขอคืนตุ้มหูที่เธอได้ทำหายไปก็ยังดี คำพูดนี้ที่ทำให้ Sheryl ตกใจเล็กน้อย...
ขณะนี้เวลา 16.30 น. Alto เล่าเรื่องตุ้มหูว่า มันสามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของเจ้าของได้ ผมรู้นะว่าเธอกำลังโดดเดี่ยว แต่ Sheryl ปฏิเสธทันทีว่า ฉันไม่ได้โดดเดี่ยวนะ!!
พอดีที่ผู้จัดการส่วนตัวของ Sheryl (ผู้หญิงใส่แว่น) เดินเข้ามาในวงสนทนาของทั้งคู่และพูดว่า เป็นสายสัมพันธ์ที่ดีนะ...เอาละถึงเวลาแล้ว คนที่หลบซ่อนอยู่กรุณาออกมาเถอะ
แท้จริงแล้ว ผู้ที่หลบซ่อนตัวตั้งแต่ก่อนที่ Alto จะเดินทางมาถึงที่นี่คือ Ozma และ Catherine Glass (ผู้บัญชาการหญิงอายุเพียง 23 ปี) พวกเขาได้ทำการจับกุมทั้งคู่ในข้อหาเป็นสายลับ
แต่ผู้จัดการส่วนตัวได้บอกกับทุกคนว่า เมื่อสองชั่วโมงก่อน ได้มีกองยานส่งสัญญาณ SOS มาที่ Frontier เพื่อขอความช่วยเหลือว่าถูก Vajra โจมตี แต่ทางรัฐบาลของพวกคุณก็ไม่สนใจ...
เมื่อ Catherine ได้ยินดังนั้นจึงลองตรวจเอกสารลับต่างๆ ก็พบว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ฉันได้ข่าวลือว่าทาง Frontier คิดจะเอาทรัพยากรของดาว Vajra มาใช้เองจนต้องละทิ้งพวกเดียวกัน
Sheryl ทนฟังไม่ได้จึงขอร้อง Ozma ให้ไปช่วยกองยานนั้น โดยที่เธอยินดีจ่ายเงินตนเองเพื่อจ้างกองกำลัง S.M.S (กองกำลังพิเศษนี้ไม่ขึ้นกับรัฐบาล Frontier โดยตรง)
ทาง Ozma ยิ้มและตอบรับคำ จะฝากชีวิตไว้กับบัตร(เครดิต)นี่ละกัน ส่วน Alto เอง แทบไม่เชื่อว่า Sheryl จะเสียสละใช้เงินของเธอเพื่อการนี้
ผมเข้าร่วมกับ S.M.S เพราะมีสิ่งที่อยากปกป้อง... ไม่นึกเลยว่าเธอจะใช้เงินเพื่อการนี้ หลังการรบครั้งนี้ เอาตุ้มหูมาคืนด้วยล่ะ... ห้ามเสียหายนะ เธอพูดพร้อมกับหันหลังให้ Alto
ภารกิจนี้ชื่อว่า นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก กลุ่ม S.M.S ออกรบอย่างบ้าระห่ำ จน Alto ถึงกับตะลึง...และแล้วยานแม่ของ Vajra ปรากฏขึ้น!!
มันมีสีม่วงอมแดงเลือดหมูดั่งปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก!!...แต่ Alto ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด!! เขากลับพุ่งเข้าหายานแม่ศัตรูนั้นและยิ่งถล่มใส่ไม่ยั้งด้วยตัวคนเดียว!!!
ในขณะเดียวกัน Ranka กำลังชมการแสดง Concert ของ Sheryl อยู่...
Sheryl ได้บอกกับผู้ชมของเธอว่า เพลงต่อไป...ฉันจะร้องเพลงสำคัญของฉันนี้... ให้กับคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่... เพลงสำคัญของเธอนั้นคือเพลง Aimo ซึ่งคราวนี้ Ranka ร้องเพลงตาม Sheryl ด้วย
อันทำให้เกิดปฏิกิริยากับยานแม่ของ Vajra จนเรืองแสงเป็นสีชมพูทั้งลำ และมันเตรียมเดินทางไปทิ่อาณานิคม Frontier ทันที! โดยวิธีการบิดเบือนของเวลา...(Fold System)
อาณานิคม Frontier เกิดความวุ่นวายขึ้น เนื่องจาก Vajra บุกมาโจมตีที่อาณานิคม ทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวที่ Ranka เก็บมาเลี้ยงเปล่งแสงออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับต่างออกไปจากเดิม...
เพราะมันปรากฏให้เห็นภาพตัวเธอสมัยเด็กเล็กที่เจอ Vajra บุกมาเช่นกัน มันจะมาเอาตัวของ Ranka ไปจ้ะ... ผู้หญิงผมสีเขียวบอกกับเธออย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย พวกมันต้องการตัวหนู?
ขณะเดียวกัน Sheryl กำลังจะโดน Vajra โจมตี!! โชคดีที่ Alto ขับเครื่องบินมาช่วยไว้ทัน!! ถึงกระนั้น สถานการณ์สู้รบของ Alto ค่อนข้างเสียเปรียบเนื่องจากกำลังโดนรุม
ตอนนี้ Ranka รู้แล้วว่า Vajra โจมตีที่นี่เพราะต้องการตัวเธอ! จึงทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปที่ท่าเรือเพื่อเป็นตัวล่อ แต่
แต่...ตอนนี้ Ranka โดนพวก Vajra จับตัวไปแล้ว!! แถม Alto โดนยิงที่ปีกเครื่องบินจนเครื่องกำลังพุ่งตกพื้น!!! ทาง Sheryl กำลังสิ้นหวังต่อเหตุการณ์นี้... เธอกำลังคิดอยู่กับตัวเองว่าฉันมาที่อาณานิคมนี้เพื่ออะไร...
"เพื่อให้ความหวังและความสุขกับทุกคนยังไงละ!!"
ตอนนี้เธอมีความมั่นใจว่า เพลงของเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ได้! เธอจึงร้องเพลงต่อไปจนทำให้ตุ้มหูที่อยู่กับ Alto เกิดปฏิกิริยาเปล่งแสง...
Sheryl!! Alto กัดฟันและตั้งสติใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องบินที่ตนขับเป็น Gerwalk Mode (ครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่ยยนต์) เพื่อสู้กับ Vajra อีกครั้ง!!
ผู้จัดการของ Sheryl รับรู้ถึงการตื่นของ พลัง Aimo ที่อยู่ในเสียงเพลงของ Sheryl จึงบอกให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการแสดง Concert ให้ออกอากาศเสียงเพลงของ Sheryl ไปทั่วทุกพื้นที่ในอาณานิคมเพราะว่า...
พวกเรายังมีความหวังอยู่ และแล้วการแสดงของ Sheryl กำลังดำเนินต่อไปอีกครั้ง... ทุกคนเริ่มมีแสงแห่งความหวังขึ้นแม้จะเป็นเพียงแสงที่ริบหรี่ก็ตาม...
ตอนนี้เครื่องควบคุมแรงโน้มถ่วงของอาณานิคมกำลังเสียหายจนทำให้สิ่งของต่างๆกำลังลอยขึ้น (เฉพาะบางจุดในเมือง) พอดี Alto เห็นตัว Vajra ที่จับ Ranka กำลังเดินทางกลับไปที่ยาน
เขาจึงไล่ล่าตามมันแบบกัดไม่ปล่อย คราวนี้สถานการณ์เริ่มผลิกผันเพราะกลุ่ม S.M.S ใช้หุ่นยิงกระสุนปืนใหญ่เพียงครั้งเดียวจนยานของฝ่ายศัตรูจมทันที!! ซึ่งทำให้ Vajra ตัวนั้นไม่มีทางเลือก จึงหันกลับมาสู้กับ Alto
Ranka!!! เสียงตะโกนของเขานี้ ทำให้ Ranka เรียกตะโกนตอบรับเช่นกัน Alto! บัดนี้เขารู้ว่าเธอถูกจับอยู่ในตัวของ Vajra! เขาจึงพุ่งไปใช้มีดตัดตรงท้องของมัน และกำลังใช้มือหุ่นเข้าไปชิงตัว Ranka คืนมา...
แต่โชคร้ายที่โดน Vajra ใช้มือขัดขวางจนเขาต้องตัดสินใจสละหุ่นทิ้ง เพื่อให้ตัวเขาเองบินพุ่งเข้าไปช่วย Ranka ออกมาจากที่ตรงนั้นได้ซึ่งประสบผลสำเร็จ! แต่เธอกลับร่วงหล่นจากตรงนั้นทันทีเพราะแรงกระแทก!!
ในขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น Michael กำลังรอจังหวะนี้อยู่แล้วจึงยิง Vajra ตัวนั้นทิ้งทันทีและบอกให้ Alto รีบไปช่วย Ranka ซะ...!!
Ranka กำลังตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ Alto พุ่งเข้ามาอุ้มเธอไว้ได้ทัน และรีบเรียกเครื่องบินของตนให้มารับทันที(แบบรีโมตบังคับ)ก่อนที่พวกเขาจะล่วงหล่นถึงพื้นเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที!
ขณะนี้ Alto รีบเร่งเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปสถานที่ๆ Sheryl อยู่ เนื่องจากมีกองกำลังองครักษ์นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก ย่อมเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับ Ranka ในเวลานี้...
และที่สำคัญ การให้ Ranka อยู่กับ Sheryl เพื่อให้พวกเธอเปล่งเสียงเพลงเคียงคู่กัน...
บัดนี้ถึงช่วงเวลาเผด็จศึก!! ยาน Macross เปลี่ยนเป็น Storm Attacker Mode(หุ่นยนต์) พุ่งเข้าหายานแม่ของฝ่าย Vajra และใช้มือทำการเจาะเกราะทะลุเข้าข้างในยานแม่ตรงกลางลำ
และปล่อย Missile ที่มือนั้นจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าไปในตัวยานแม่ศัตรูจนระเบิดออกมาส่วนหนึ่ง!! ซึ่งการโจมตีนี้ทำให้ Barrier ของยานแม่นั้นใช้การไม่ได้!
คราวนี้จึงใช้ Macross Canon ยิงซ้ำไปที่กลางลำยานแม่ลำนั้นจนระเบิดออกมาเป็นเศษเถ้าธุลี...
....
ทุกอย่างสงบลงแล้ว... เกิดหิมะตกลงมาจากฟากฟ้า... บัดนี้คงเหลือแต่เศษซากปรักหักพังและความโศกเศร้าดังระงมไปทั่วดั่งเช่นหิมะที่กำลังตกอยู่นี้... Alto เดินมาคืนตุ้มหูให้ Sheryl แต่เธอปฏิเสธรับคืน
เอามันไปเถอะ เธอควรได้รับมันเพราะเป็นของขวัญที่ช่วยพวกเราไว้ Sheryl มองไปที่แม่น้ำพร้อมกล่าวขอบคุณ Alto และ Ranka
ฉันไม่โดดเดี่ยวแล้วละ...
THE END Macross Frontier ~Itsuwari no Utahime~
(Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
...
...
To be continue Macross Frontier The Movie: The Wings of Goodbye
อันที่จริง ผู้เขียนอยากรวมบทความเป็นบทความเดียว แต่เว็บ ppantip.com รับข้อมูลได้จำกัด ทำให้ผู้เขียนจำเป็นต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครับ
บทความส่วนที่สอง : http://www.ppantip.com/tech/techblog/article.php?articleID=GS2975564
เล่าเรื่อง Macross Frontier ~Itsuwari no Utahime~ (ฉบับสาวกเขียน)
สวัสดีครับ,
อีกไม่กี่วันจะถึงปีใหม่แล้ว (A.D 2011) ผู้เขียนจึงสละเวลาเพื่อเขียนบทความส่งท้ายปีนี้เกี่ยวกับเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime เนื่องจากผู้เขียนเป็นสาวก Macross Series มาตั้งแต่ภาคแรก
และผู้เขียนมีสมการหนึ่งคือ หุ่นยนต์ + เครื่องบิน + Idol = (Macross = Epic Win!!)
ดังนั้นจึงตั้งใจเขียนบทความอย่างเต็มที่โดยผู้เขียนพยายามเผางานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนภาพข้างล่างเป็นของสะสมของผมครับ มี 2 ชิ้นเอง (เฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime)
Macross คือ เรื่องราวเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาว ซึ่งฝ่ายมนุษย์โลกมีอาวุธที่สำคัญคือ ยานรบ Macross ที่สามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ยักษ์
และ Variable Fighter คือเครื่องบินที่สามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ นอกจากนี้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก และนักร้อง Idol อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเนื้อหาเรื่องนี้
สำหรับจำนวนภาค(หลัก)ของ Macross ได้แก่[1]
(HirokawaK at Pixiv.net [17-07-2008])
- The Super Dimension Fortress Macross (Macross ภาคแรก) (ปี 1982 1983)
- Macross II (ปี 1992)
- Macross Plus (ปี 1994)
- Macross Seven (ปี 1994-1995)
- Macross Zero (ปี 2002-2004)
- Macross Frontier (ปี 2008)
(Hoshinoyen@AYA at Pixiv.net [28-11-2008])
ส่วนตัวของผู้เขียนชอบเพียง 3 ภาคคือ
อันดับที่ 1 ผู้เชียนชอบภาค Macross Zero มากที่สุด เพราะการรบและการต่อสู้ที่มีความสมจริง การออกแบบ VF-0 Phoenix สวยงาม ที่สำคัญ เนื้อเรื่องมีความลุ่มลึกเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่ต้นถึงตอนจบ
อันดับที่ 2 ผู้เขียนชอบภาค Macross ภาคแรกที่ออกฉายทางโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1982 1983 มีจำนวนทั้งหมด 36 ตอน ผู้เขียนได้รับชมเรื่องนี้ตอนอายุ 7 ขวบ
สมัยนั้นถือว่าเป็น Anime ที่สุดยอดมากในด้านต่างๆ เช่น ความสมจริงของการรบ การขับเครื่องบินและหุ่นยนต์ที่รวดเร็วและสุดยอดเหนือมนุษย์ ความเท่ของพระเอกและกัปตัน ฯลฯ
ถ้าใครเคยชม anime เรื่องนี้ คงจะจำเพลง Opening ที่มีคำร้องคำว่า Macross~ Macross~ ได้อย่างแน่นอน!! (แม้ว่าช่วงนั้นมี Macross Seven ทางช่อง IBC ก็เถอะ...)
ผู้เขียนเคยดูเรื่องนี้ในรูปแบบ VHS (The Video Home System) หรือคนทั่วไปเรียกว่า ม้วนวีดีโอ ซึ่งมีบริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยคือ Video Square จำกัด (ถ้าจำไม่ผิด)
เจ้าของสโลแกนยอดฮิตตรง Opening ทุก Anime ว่า บริษัท Video Square จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 2790061 2710069 เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย (มีเสียง Echo หรือเสียงสะท้อนท้ายประโยคด้วยนะเออ)
และถ้าใครเคยดู Doraemon จากบริษัทนี้ จะมีเสียงตรง Opening เพิ่มเติมว่า การ์ตูนมหาอมตะนิรันกาล Doraemon (Old Trap ชัดๆ)
อันดับที่ 3 ผู้เขียนชอบภาค Macross Frontier เพราะตัวละคร Moe และเพลงไพเราะ โดยเฉพาะตัวละครชื่อ Ranka Lee เวลาที่เธอร้องเพลงและทำท่า Ranka Wink ไปด้วย
มัน Moe ที่สุดในทางช้างเผือกจริงๆ (ชาบู ชาบู~ Ranka Lee)
Macross Frontier มีเนื้อเรื่องในปี ค.ศ. 2059 (ถัดจากเนื้อเรื่องภาคแรกถึง 47 ปี) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยานอาณานิคมของ New U.N. Spacy (N.U.N.S) หมายเลข 25 ที่ชื่อว่า Macross Frontier
มีภารกิจเดินทางบริเวณทางช้างเผือก เพื่อค้นหาสถานที่ตั้งอาณานิคมบนอวกาศ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Saotome Alto เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ประสบกับเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวโจมตีอาณานิคมแห่งนี้ และเขาบังเอิญเจอ Ranka Lee พร้อมกับ Sheryl Nome และแล้ว... ชะตากรรมทั้ง 3 คนจึงเริ่มต้นจากจุดนี้...
อนึ่ง Anime เรื่อง Macross Frontier : Itsuwarino Utahime เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 November 2009 มีเนื้อหาเช่นเดียวกับภาค Macross Frontier แต่มีการตัดทอนเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และเพิ่มเหตุการณ์บางส่วนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของเนื้อหาในแบบฉบับ Movie โดยเฉพาะ[2]
Game
Detail :
Name (Japanese) : マクロスエース フロンティア
Name (English) : Macross Ace Frontier
Release Date : 09 October 2008
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/acefrontier
Other Website : Play-Asia.com
Rating : CERO A (Free)
Catalog No. : ULJS-00158
Item Code : 4582224492299
Price (Japanese) : 5,040 Yen
Price (US) : US$ -
Price (Thai) : - Baht
เกม Macross Ace Frontier เป็นเกม Action Shooting ของเครื่อง PSP (PlayStation Portable) ซึ่งผลิตและสร้างสรรค์โดย Artdink ผู้จัดจำหน่ายคือ Bandai Namco
Gameplay
พื้นฐานของเกมนี้คือ ตัวผู้เล่นได้รับบทบาทเป็นตัวละครเฉพาะของเกมนี้ (Original Characters) ผู้เล่นต้องขับเครื่องจักรที่เป็นหุ่นยนต์หรือเครื่องบินสู้กับศัตรูภายในเกม
ซึ่งเครื่องจักรและเนื้อเรื่องภายในเกมที่ปรากฏอยู่นี้ อ้างอิงเนื้อหาจาก Anime เรื่อง Macross Series ได้แก่
- Macross + Macross : Do You Remember Love?
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Frontier
ถ้าคุณเคยชม Anime เหล่านี้คุณจะทราบว่าเครื่องจักรในโลกของ Macross มีหลากหลายมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็น Variable Fighter หรือย่อสั้นๆว่า VF มากกว่า ซึ่งเครื่องบินนี้สามารถแปลงร่างได้ 3 ระดับคือ
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Fighter Mode เป็นโหมดเครื่องบิน มีจุดเด่นคือ ใช้ความเร็วสูงเพื่อเข้าประชิดศัตรูได้สะดวก, เหมาะสำหรับการยิงและหลบ Missile ส่วนข้อเสียคือ การขับเครื่องบินและการยิงกระสุนค่อนข้างลำบาก
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Gerwalk Mode เป็นโหมดครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่นยนต์ เหมาะสำหรับการโจมตีพื้นฐานทุกชนิดและทุกสมรภูมิ เช่น การใช้ปืนยิงและ Missile แต่มีข้อเสียคือการโจมตีระยะประชิดกลับไม่รวดเร็วและไม่ต่อเนื่อง
(Gon at Pixiv.net [16-07-2009])
- Battroid Mode เป็นโหมดหุ่นยนต์ เหมาะสำหรับการรบภาคพื้นดินและการโจมตีระยะประชิดเท่านั้น
สำหรับอาวุธโจมตีภายในเกมมีอยู่ 3 แบบ มีรายละเอียดดังนี้
- Guns ซึ่งมีทั้งกระสุนปืนหรือกระสุนพลังงานแสง แล้วแต่ชนิดของหุ่น
- Missiles เป็นจรวดติดตามตัว ซึ่งภายในเกมจะติดตามตัวเป้าหมายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และจะระเบิดตัวเอง
- Hand-To-Hand Combat เป็นการใช้มือเปล่าโจมตี เหมาะสำหรับการโจมตีประชิด
Macross Ace Frontier มียอดจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 96,303 ชุด[3]
Game System
เมื่อเริ่มเล่มเกมครั้งแรก ผู้เล่นต้องเลือกเพศตัวละครของตนคือ เพศชายหรือเพศหญิง และเลือกอายุตามต้องการ (อายุจะผันแปรความสามารถของตัวละคร ผู้เขียนขอแนะนำให้เลือกอายุประมาณ 25 ปี)
ต่อมาเลือกชื่อของตัวละคร เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับข้อมูลของผู้เล่น ถัดมาจึงเป็นการใส่ข้อมูลคู่หูของคุณ และเลือก Operator ที่ผู้เล่นชื่นชอบ
สุดท้ายจึงเป็นการเลือกภาคของ Macross Series ผู้เขียนขอแนะนำให้เล่นภาค Macross Frontier ก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเล่นง่ายที่สุด แต่ถ้าผู้เล่นต้องการทราบเนื้อเรื่องของเกมทั้งหมด ผู้เขียนขอแนะนำให้เล่นภาคแรก
ถ้าผู้เล่นเลือกเล่น Macross ภาคแรก และเล่นถึง Mission# 6 ผู้เล่นจะพบว่าตัวผู้เล่นและคู่หูอยู่ในฉากที่เป็น Dome ขนาดใหญ่ ภารกิจคือ ต้องกำจัดศัตรูที่ออกมาทั้งหมด 4 ชุด เมื่อผู้เล่นสามารถกำจัดศัตรูได้ 3 ชุดทั้งหมด
ศัตรูชุดสุดท้ายจะปรากฏตัวคือ Ichijyo Hikaru เป็นพระเอกจาก Macross ภาคแรกและคู่หู เขามาปรากฏตัวสู้กับเรา...กรุณาอย่าลืมว่าเขาเป็นพระเอก แน่นอนว่าต้องเก่งขั้นเทพและขี้โกงอย่างที่สุด!!
ผู้เขียนลองใช้ VF ที่ได้รับมาตั้งแต่ต้นเกมและไม่พัฒนาหุ่นใดๆเลย สู้กับเขาแบบธรรมดาจนสามารถล้มเขาได้ถึง 2 ครั้งจากการเล่น 60 รอบ... Fluk
(หมายเหตุ : แม้ว่าคุณใช้หุ่นที่ดีและพัฒนาหุ่นอย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณโจมตีไม่รวดเร็วและใจเย็น โอกาสที่คุณจะพ่ายแพ้มีอยู่สูงมาก!!)
แม้ว่าบางฉากการรบภายในเกม มีอาการกระตุกและหนืดบ่อยครั้ง เช่น Macross ภาคแรก Mission# 9 ชื่อว่า Present For You แต่ความสนุกของเกมกลับไม่ลดลงจนสร้างความรำคาญให้แก่ผู้เล่นมากนัก
แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของเกมคือ มุมกล้อง เนื่องจากทำให้วิสัยทัศน์และการวางแผนการรบของผู้เล่นสะดุดลงทันที เช่น เมื่อเราขับ VF อยู่ใต้ยานแม่ของฝ่ายศัตรู
มุมกล้องของเกมจะบีบแคบลงจนต้องหาวิธีหนีแทนพุ่งเข้าหาการโจมตี เป็นต้น (ถ้าไม่หนีก็โดนปืนใหญ่ของยานแม่ฝ่ายศัตรูยิง VF ของผู้เล่นทิ้ง)
นอกจากนี้ถ้าใครเคยดู Anime เรื่อง Macross คุณจะพบว่า คนขับหุ่น VF บางคนมีความสามารถการขับหุ่นขั้นเทพและเท่มาก เช่น พระเอกขับเครื่องบินพุ่งหาเป้าหมายที่เป็นตึก แต่ก่อนที่เครื่องบินจะถึงตัวตึกไม่กี่เมตร
เขาจะเปลี่ยนเครื่องบินที่เขาขับอยู่เป็นโหมดครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่นยนต์ (Gerwalk Mode) เพื่อเบรกความเร็วภายในเสี้ยววินาที พร้อมกับหันหัวเครื่องบินไปบนฟ้าระดับ 180 องศา ทันใดนั้นเขาก็กลับมาใช้โหมดเครื่องบิน (Fighter Mode)
และเร่งเครื่องเต็มที่เพื่อพุ่งขึ้นบนฟ้า ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ใช้สำหรับหลบ Missile ติดตามตัวที่น่ารำคาญ แต่ถ้าผู้เล่นจะลองใช้วิธีที่ได้กล่าวมานี้กับเกม Macross Ace Frontier ของเครื่อง PSP ผู้เขียนค้นพบว่า เป็นไปไม่ได้
เพราะผู้เขียนเคยลองใช้วิธีนี้จนถึงขั้นตอนที่ต้องนำเครื่องบินพุ่งขึ้นบนฟ้าระดับ 180 องศา ปรากฏว่าเครื่องบินมันพุ่งขึ้นช้ามากทั้งๆที่กดปุ่มเร่งความเร็วเต็มที่และเครื่องบินไม่ได้โดนตัวตึกแม้แต่น้อย
เมื่อใดที่ผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จหรือล้มเหลว จะได้ค่า Tune Point ทุกครั้ง ซึ่งค่านี้นำไปใช้เพื่อพัฒนาหุ่นที่ผู้เล่นใช้งานอยู่ในภารกิจนั้นๆ กล่าวคือ ถ้าผู้เล่นใช้ VF-1 ในการทำภารกิจ ค่า Tune Point จะเพิ่มให้กับ VF-1 เท่านั้น
อนึ่งค่า Tune Point จะถูกคิดคะแนนตามระดับความสามารถของผู้เล่น คือ จำนวนที่โจมตีศัตรูได้, จำนวน HP ที่เหลือ, เวลาในการทำภารกิจ และการทำ Combo
เมื่อรวมคะแนนทั้งหมดจึงจะคิดคำนวน Rank และ Tune Point ที่ผู้เล่นจะได้รับตามความสามารถ
สำหรับการพัฒนาหุ่น (หรือเรียกว่าการจูนหุ่น) ผู้เล่นสามารถพัฒนาหุ่นได้อย่างอิสระ อาทิ ต้องการพัฒนาหุ่นให้มี HP จำนวนมากขึ้น, อาวุธโจมตีศัตรูแรงขึ้น, เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น หรือการเติมกระสุนเร็วขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถยกเลิกการพัฒนาหุ่นที่ได้กระทำเอาไว้แล้วได้ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการพัฒนาหุ่น เช่น จำนวน Tune Point ที่ถูกจำกัดการพัฒนาไว้ในแต่ละหุ่นไม่เหมือนกัน
และการพัฒนาหุ่นในบางความสามารถไม่สามารถกระทำได้ในหุ่นบางรุ่น
ส่วนจำนวนกระสุนภายในเกมนี้ไม่มีจำกัด (อนันต์) แต่ใช้ระบบ ชุดกระสุน แทน ยกตัวอย่างเช่น VF ที่ผู้เล่นขับมีกระสุนปืนอยู่ทั้งหมด 250 นัด ถ้าผู้เล่นใช้กระสุนปืนจนหมด 250 นัด
จำเป็นต้องรอช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อเติมกระสุนอัตโนมัติ ซึ่งใช้เวลานาน ยกเว้นผู้เล่นจะเพิ่มค่าความสามารถหุ่นจึงจะช่วยลดระยะเวลาเติมกระสุนได้
อนึ่งการเติมกระสุนจะเกิดขึ้นต่อเมื่อกระสุนหมดเท่านั้น แม้ว่าผู้เล่นจะเหลือกระสุนเพียง 1 นัดและไม่ได้ใช้กระสุนนั้นเป็นเวลานานก็ตาม
กล่าวโดยสรุป เกมนี้ผู้เล่นต้องมีทักษะเชี่ยวชาญในการรบ, การวางแผน และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วเพื่อที่จะสามารถทำภารกิจสำเร็จลุล่วงให้จงได้!!
Detail :
Name (Japanese) : マクロスアルティメットフロンティア
Name (English) : Macross Ultimate Frontier
Release Date : 01 October 2009
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/ultimate/
Other Website : Play-asia.com
Rating : CERO A (Free)
Catalog No. : ULJS-00223
Item Code : 4582224492992
Price (Japanese) : 7,329 Yen
Price (US) : US$ -
Price (Thai) : - Baht
เป็นเกมภาคที่ 2 มีจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 84,402 ชุด[4] ภาคนี้มีการปรับปรุง Interface ของเกมให้สวยงามมากขึ้น
เช่น มีภาพการออกตัวของ Idol ที่มาให้กำลังใจกลุ่มของเราที่อยู่ในสมรภูมิ เป็นต้น นอกจากนี้อาวุธและวิธีการโจมตีเพิ่มขึ้นมากกว่าภาคแรก
ส่วนภาคนี้ได้ทำการเพิ่มจำนวนของ Macross Series ขึ้นอีก 2 ภาค รวมทั้งหมดเป็น 6 ภาคได้แก่
- Macross + Macross : Do You Remember Love?
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Dynamite Seven
- Macross Zero
- Macross Frontier
สำหรับของที่มาในชุด Limited edition คือแผ่น UMB ที่มีเนื้อหาของ Macross เกี่ยวกับการเปิดตัว Anime และ Movie ของภาค Macross Frontier
ซึ่งคุณ Kawamori Shoji ตำแหน่ง Producer เป็นผู้รับผิดชอบ Anime เรื่องนี้
Detail :
Name (Japanese) : マクロストライアングルフロンティア(イツワリノウタヒメパック)
Name (English) : Macross Triangle Frontier Itsuwari no Utahime
Release Date : 02 February 2011
Platforms : PSP (PlayStation Portable)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://b.bngi-channel.jp/psp_macross/
Other Website : Play-asia.com
Cdjapan.co.jp
Rating : CERO B (12+)
Catalog No. : ULJS-00369
Item Code : 4582224493999
Price (Japanese) : 7,329 Yen
Price (US) : US$ 99.90
Price (Thai) : 3,034 Baht
เป็นเกมภาคที่ 3 พื้นฐานของเกมนี้คือ ผู้เล่นเป็นตัวละครเฉพาะของเกมนี้ (Original Characters) ผู้เล่นต้องดำเนินเรื่องราวชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับตัวละครจาก Macross Frontier โดยตรง
ที่สำคัญผู้เล่นสามารถจีบสาว (หรือจีบหนุ่ม) ตามแต่สถานการณ์เหมือนเกมจีบสาวทั่วไป ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือพื้นฐานใน Academy Mode ที่เพิ่มเติมขึ้นภายในเกม
นอกจากนี้ ผู้เล่นสามารถเลือก Macross Series อื่นๆได้ โดยที่ผู้เล่นมีภารกิจขับเครื่องจักรที่เป็นหุ่นยนต์หรือเครื่องบินต่อสู้กับศัตรูภายในเกม ซึ่งเครื่องจักรและเนื้อเรื่องภายในเกมนั้นอ้างอิงจากเนื้อหาของภาคต่างๆ ได้แก่
- Macross
- Macross : Do You Remember Love?
- Macross II
- Macross Plus
- Macross Seven
- Macross Seven : Encore
- Macross Zero
- Macross Frontier
- Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime
สำหรับของที่มาในชุด Limited edition ได้แก่
- กล่องเกมพิเศษ
- แผ่น UMB จากเรื่อง Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime
นอกจากนี้ ผู้ที่สั่งซื้อเกมชุดแรก (First Print Edition) จะได้รับ
- Film จากเรื่อง Macross Frontier The Movie : Itsuwari no Utahime รูปแบบ UMB
Detail :
Name (Japanese) : 劇場版マクロスF ~イツワリノウタヒメ~ ハイブリッドパック
Name (English) : Macross Frontier : Itsuwari no Utahime - Hybrid Pack
Release Date : 07 October 2010
Platforms : PS3 (PlayStation 3)
Genre : Action
Version : Japan
Official Website : http://www.macrossf.com/movie/blu_ray.html
Other Website : Play-asia.com
Cdjapan.co.jp
Rating : CERO B (12+)
Catalog No. : BLJS-93001
Item Code : 4582224493630
Price (Japanese) : 7,140 Yen
Price (US) : US$ 81.01
Price (Thai) : 2,446.04 Baht
Macross Frontier : Itsuwari no Utahime - Hybrid Pack คือแผ่น Blue-ray จำนวน 1 แผ่น ซึ่งมีเนื้อหาอยู่ 2 ส่วนคือ
- Anime เรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime (Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
และมีเนื้อหาเพิ่มเติมอีก 30 นาที ส่วนใหญ่เป็นโฆษณาและเนื้อหาที่ตัดทอนลงไป[5]
- Game for Ps3 ชื่อว่า Macross Trial Frontier (ต้องนำแผ่นไปใช้กับเครื่อง PS3 เท่านั้น)
Macross Trial Frontier คือเกม Promote ทดลองเล่น ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 ฉาก และแต่ละฉากมีความสั้นมาก กล่าวคือ จำนวนศัตรูมีน้อยมากและผู้เล่นสามารถจบภารกิจเพียง 2-5 นาทีต่อฉากเท่านั้น
สำหรับระบบการเล่นเหมือนเกมเวอร์ชั่นเครื่อง PSP แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวละครหรือพัฒนาหุ่นที่ต้องใช้ในภารกิจได้ ที่สำคัญเนื้อเรื่องภายในเกมไม่เกี่ยวข้องกับ Macross Frontier : Itsuwari no Utahime โดยตรง
ส่วนผู้ที่สั่งซื้อเกมชุดแรก (First Print Edition) จะได้รับ
- Film จากเรื่อง Macross Frontier : Itsuwari no Utahime ฉบับ Blue-ray
Macross Frontier Movie ~Itsuwari no Utahime~ มียอดจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 143,851 ชุด[6]
หมายเหตุ : ร้านค้าส่วนใหญ่จัดเรื่องนี้ให้อยู่ในกลุ่มของเกม มิใช่กลุ่มของ Anime
The Story : Macross Frontier ~Itsuwari no Utahime~
(Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Sheryl Nome นักร้องชื่อดังฉายา นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก เดินทางมาที่ยานอาณานิคมหมายเลข 25 ที่ชื่อว่า Frontier เพื่อเปิดงาน Concert ของเธอที่นี่
Saotome Alto เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เป็นนักเรียนศูนย์ฝึกอบรมการบิน เขามีบัตรชม Concert ของ Sheryl เนื่องจากเขาได้รับหน้าที่เป็นนักแสดงตัวประกอบของงาน Concert นี้
พอดีที่ Ranka Lee เด็กสาวอายุ 16 ปี เธอคือเพื่อนสนิทของเขา และเธอชื่นชอบ Sheryl มาก เขาจึงมอบบัตรชม Concert ให้แก่เธอ ซี่งเธอดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นในที่ทำงานพิเศษ
เมื่อถึงวันงานแสดง Concert เป็นเวลาเดียวกับที่ศัตรูไม่ทราบฝ่าย (มนุษย์ต่างดาว) โจมตีบริเวณนอกยานอาณานิคม ทั้งๆที่การแสดง Concert ของ Sheryl ยังไม่จบ
Alto สงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จึงเดินออกมาข้างนอกอาคารเพื่อยืนดูสถานการณ์ แต่ Sheryl กลับเดินตามเขาออกมาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นศัตรูไม่ทราบฝ่ายเริ่มโจมตีเข้ามาในอาณานิคม
และเผอิญไปโจมตีโดนบริเวณที่พวกเขายืนอยู่!! ทำให้ทั้งคู่กระเด็นออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว! โชคดีที่ทั้งคู่ตั้งสติได้ทันจึงไม่บาดเจ็บเท่าไรนัก...
ตอนนี้ทั้งคู่รู้แล้วว่า ศัตรูไม่ทราบฝ่ายที่เข้ามาบุกโจมตีอาณานิคมคือ Vajra เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่ง
ฉับพลันนั้นศัตรูที่เข้ามาโจมตีอาณานิคมแห่งนี้เจอ Sheryl อยู่บนถนนคนเดียว และมันกำลังจะโจมตีหล่อน!! เคราะห์ดีที่ Alto เข้ามาช่วยเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด!!
ไม่นานนัก Alto บังเอิญไปเจอ VF-25 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ถูกจอดทิ้งไว้บนถนนเพราะคนขับเสียชีวิตจากการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว ทำให้เขาตัดสินใจ ขึ้นไปขับหุ่นแทน...
บังเอิญเหลือเกินที่ Ranka ล้มลงอยู่บริเวณที่มนุษย์ต่างดาวกำลังอาละวาดอยู่ และเธอกำลังโดนโจมตี! Alto ไม่รอช้า จึงใช้ปืนยิงจนกระสุนหมด และเขากำลังจะเสียท่า!!
โชคดีที่ Ozma Lee ผู้เป็นพี่ชายของ Ranka และเป็นหัวหน้าหน่วย S.M.S มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ทัน แต่เหตุการณ์นี้ Ozma ต้องแลกกับบาดแผลสาหัส!!
เมื่อ Ranka เห็นดังนั้นจึงตกใจร้องตะโกนเรียกพี่ชาย ซึ่งเสียงตะโกนนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาหนึ่งจน Vajra ชะงัก และโดนปืนยิงจากข้างหลังจนมันล้มลงในเวลาต่อมา...
บัดนี้ความวุ่นวายจบลงแล้ว... Ozma อยู่ที่โรงพยาบาลอย่างปลอดภัย Vajra ถูกกำจัดทิ้งทั้งหมด และปรากฏให้เห็นถึงความเสียหายที่ใหญ่หลวง...
ทางรัฐบาลอาณานิคมแห่งนี้สงสัยว่าเหตุการณ์มันประจวบเหมาะเกินไป และน่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มของ Sheryl จึงทำการสืบสวนทางลับเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากที่ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ... ในวันหนึ่ง ช่วงเวลาโพล้เพล้... Alto เจอ Ranka ร้องเพลงที่ใต้ต้นไม้ เขาจึงชวนเธอพูดคุยเรื่องต่างๆ
ไม่นานนัก Sheryl ที่หลบหลังรูปปั้นยักษ์มาทัก Ranka ว่า เธอร้องเพลงได้ไพเราะดีนะ เธอชื่ออะไร? RRanka Lee คะ เธอพูดตะกุกตะกักเพราะความตื่นเต้นที่ได้เจอ Idol ที่เธอชื่นชอบ
เธอรู้จักเพลง Aimo ด้วยหรือ? Ranka ตกใจพอสมควร กับการยิงคำถามแบบไม่อ้อมค้อมของ Sheryl นี้ แต่ก่อนที่ Ranka จะพูดอะไรต่อไปนั้น...
โทรศัพท์มือถือของ Sheryl ดังขึ้น เพราะมีคนตามตัวเธอไปทำงาน ซึ่ง Sheryl ไม่มีทางเลือก จึงขอตัวทั้งคู่ไปทำธุระด่วนของเธอทันที
เวลานี้ Alto ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษอย่างเต็มตัว (S.M.S) วันรุ่งขึ้น Sheryl มาหาเขา เพราะมีของสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับเธอหายไป เธอจึงอยากให้ Alto ช่วยหาของสิ่งนั้นให้หน่อย (ตุ้มหู)
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ก็ไป Date ในเมืองด้วยกัน โดยที่ Alto ไม่ได้เต็มใจนัก... Sheryl บอกกับ Alto ว่า...
เพลง Aimo นี้ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว และฉันพึ่งค้นพบครั้งแรกว่ามีคนร้องเพลงนี้ได้เหมือนกับฉันด้วย...มันคงเป็นเพลงแห่งโชคชะตาละมั้ง?
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของสองพี่น้องตระกูล Lee ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันเรื่อง Ranka อยากเป็น Idol จนสุดท้ายเธอตัดสินใจหนีออกจากบ้านพร้อมกับเดินทางไปสถานที่ต่างๆอย่างไร้จุดหมาย
ทาง Ozma จึงโทรศัพท์หา Michael Blanc ซึ่งมีสถานะลูกน้อง และสั่งให้เขาเดินทางไปช่วยดูแล Ranka ให้เขาหน่อย... ตอนนี้ Michael จำใจต้องติดตาม Ranka ไปทุกหนทุกแห่งและกล่อมให้เธอกลับบ้าน
แต่ทาง Ranka กลับดื้อดึงเป็นอย่างยิ่งเพราะเธอมุ่งมั่นอยากเป็น Idol จริงๆ ถ้าเธออยากเป็น Idol จริงๆ ลองทดสอบความกล้าด้วยการร้องเพลงที่กลางเมืองตอนนี้ดูสิ!! ถ้าเธอมีคุณสมบัติการเป็น Idol
เหตุที่ Michael พูดเช่นนี้เพราะเขาไม่พอใจ Ranka ที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจมากเกินไป...
ตอนนี้ Ranka กำลังยืนนึกถึงเครื่องบินกระดาษที่ Alto ชอบส่งมันไปที่ท้องฟ้า... เครื่องบินกระดาษนี้มันคงเป็นตัวแทนของความอิสระและความกล้าหาญที่จะโบยบิน...
Ranka จึงร้องเพลงที่กลางเมืองนั้นจนปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ แต่เธอหารู้ไม่ว่าตั้งแต่อออกจากบ้านมานี้ เธอกำลังโดนสะกดรอยตามจากเจ้าหน้าที่ของกลุ่ม Sheryl อยู่...
ครั้นถึงตอนเย็น... Ranka ได้เห็น Sheryl จูบกับ Alto ซึ่งทำให้ Ranka ตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ทันใดนั้นได้มีชายแก่ที่เป็นแมวมองเดินมาหา Ranka เพราะเขาสนใจความสามารถของ Ranka ตอนที่เธอร้องเพลงกลางเมืองเมื่อสักครู่นี้
เขาจึงชวนเธอไป Debut กับบริษัทของเขา เมื่อ Ranka ได้ยินดังนั้นจึงดีใจมากจนลืมเรื่องของ Alto และตอบรับคำเชิญชวนนั้นทันที หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นไม่นาน เธอเลิกหนีออกกจากบ้านเพราะพี่ของเธอยอมรับความมุ่งมั่นที่เธออยากจะเป็น Idol
จนสุดท้ายเธอได้เป็น Idol สมใจ ส่วน Alto กำลังโดนฝึกทหารอย่างหฤโหดจนทำให้เขาไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ Ranka อีกเลย...
ยามค่ำคืนวันหนึ่ง Alto ได้พบกับ Ranka ที่กำลังยืนรอเขาอยู่ เธอพูดว่า เพราะ Alto แท้ๆ ฉันจึงมีวันนี้ เพราะเธอให้กำลังใจฉัน จนฉันบินได้แล้วนะ... บินเหมือนเครื่องบินกระดาษที่ Alto ชอบส่งมันขึ้นไปที่ท้องฟ้านั่นแหละ...
บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อยู่บนรถไฟ... Alto ได้เล่าเรื่องของ Sheryl ที่เขาพบเจอมา และเล่าเรื่องชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ดีของตัวเขาเองให้ Ranka ฟังว่า
ผมอยู่ในตระกูลนักแสดง จึงถูกฝึกให้เป็นนักแสดงตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อผมทำการแสดงไปนาน ทำให้ผมรู้สึกกลัวพลังบางสิ่งบางอย่างที่อาจทำให้ตัวตนของผมถูกลบเลือนไป... ผมจึงออกจากวงการนักแสดงนั้น...
Ranka จับมือเขาและหลับตาพูดให้กำลังใจว่า Alto ก็คือ Alto นั่นแหละ ไม่มีทางที่จะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น... เมื่อ Alto ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มตอบและกล่าวขอบคุณ Ranka
วันต่อมา Alto แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ Ozma สันนิฐานว่า Sheryl อาจเป็นสายลับ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Vajra ที่มาโจมตีอาณานิคมแห่งนี้
ลองคิดดูสิว่าทำไมเธอถึงยอมคบกับนาย ก็เพราะว่า Ranka เป็นคนเดียวของครอบครัวนักวิจัย Vajra ที่รอดชีวิตในดินแดน Galia 4 และนายเป็นคนสำคัญสำหรับเธอ
คำพูดนี้เองที่ทำให้ Alto นึกถึงคำพูดของ Sheryl เกี่ยวกับเพลง Aimo ของ Ranka ทันที! ทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดมันช่างสอดคล้องกันพอดีเสียจริง! หรือว่า...!?
ขณะเดียวกัน Ranka ได้พบมนุษย์ต่างดาวสีเขียวตัวเล็กน่ารักคล้ายกระรอก ในระหว่างทางที่เธอกลับบ้าน เธอจึงนำมันกลับมาที่บ้านด้วย
ในเวลาเดียวกัน Alto ได้พบสิ่งของที่ Sheryl ทำหายไปนั้นคือ ตุ้มหู ตกอยู่บริเวณปีกของเครื่องบิน และทันใดนั้นเสียโทรศัพท์ของ Alto ดังขึ้น! ที่แท้ Sheryl โทรศัพท์นัดให้มาพบกันที่สวนสาธารณะเพราะเธอมีเรื่องที่อยากจะพูดคุย...
ขณะนี้เวลา 01.00 น. ระหว่างที่ Sheryl กำลังรอ Alto อยู่นั้น บังเอิญที่ Ranka เดินทางมาที่สวนสาธารณะด้วยเช่นกัน เพราะเธอกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อ Ranka เผชิญหน้ากับ Sheryl ทำให้เธอรู้สึกเขินอายและดีใจที่ได้พบกับ Idol ของเธอ ทาง Sheryl เหมือนล่วงรู้ว่า Ranka กำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงยิ้มและกล่าวว่า
ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกับ Alto เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และเธอหยิบบัตรชม Concert ของเธอให้ Ranka เธอและ Alto ไปชม Concert ของฉันให้ได้นะ...
หลังจากที่พวกเธอพูดคุยซักพัก Sheryl ร้องเพลงให้ฟัง จน Ranka ร้องเพลงตามด้วย ทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวที่ Ranka เก็บมาเลี้ยงมันเปล่งแสงออกมา... เหมือนกับว่าตัวมันมีปฏิกิริยากับเสียงเพลงของ Ranka!!
เธอมาจากดาว Galia 4 ใช่ไหม? ฉันก็เกิดที่ดาวดวงนี้เหมือนกัน Sheryl ยิงคำถามทันที แต่ Ranka กลับตอบได้เพียงว่า ฉันจำเรื่องราวสมัยเด็กไม่ได้เลยคะ... ทันใดนั้น Ranka เห็นภาพ 3 ภาพ...
หนึ่งในภาพนั้นเป็นหญิงชราที่มีตุ้มหูเหมือนกับของ Sheryl อย่างไม่มีผิดเพี้ยน!! และแล้วมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวกลับกระโดดหนี ซึ่งทำให้ทั้งคู่ช่วยกันวิ่งตามจับมัน
พอดีที่ Alto กำลังเดินมาถึงสวนสาธารณะ เห็น Sheryl กำลังวิ่งไล่ตาม Ranka เขาจึงรีบวิ่งไปผลัก Sheryl และบอกกับเธอว่า เธอเป็นสายลับจริงๆสินะ!!
ตอนนี้ Ranka รู้แล้วว่า Alto เข้าใจผิดจึงบอกความจริงแก่เขา แต่มันสายไปเสียแล้ว... Sheryl รู้สึกผิดหวังในตัวของ Alto และเดินจากพวกเขาไป...
เมื่อถึงรุ่งอรุณ...วันนี้เป็นวันงานแสดง Concert ของ Sheryl ทางกองทัพต่างๆเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่เพราะคาดว่าในวันนี้คงจะมีสงครามอย่างแน่นอน
ในขณะนั้นที่ห้องของ Alto เอง เขากำลังนั่งมองตุ้มหูอย่างงวยงงและสงสัย เขาจึงลองไปจับมันอีกครั้ง...คราวนี้เขารู้สึกถึงเจ็บปวด!! ความเจ็บปวดนี้มันแทรกซึมไปทั่วทั้งทางร่างกายและจิตใจ... ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยรู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆเลย...
เขาสงสัยว่าตุ้มหูนี้ อาจเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของเจ้าของได้ เขาจึงลองใส่ตุ้มหูดู...ปรากฏว่าภาพความเจ็บปวดของ Sheryl ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผุดขึ้นมาในสมองของเขา
และเขากำลังได้รับความเจ็บปวดไปทั่วทั้งทางร่างกายและจิตใจเหมือน Sheryl ที่ได้รับ!! Sheryl!!! เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โหยหา และตอนนี้... เขาเข้าใจถึงความรู้สึกของ Sheryl ทุกอย่างแล้ว
เขาเข้าใจแล้วว่า ใบหน้าของเธอที่มีแต่รอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความทุกข์ไว้ในใจ... มันคือความลำบากและความโดดเดี่ยวเดียวดายที่เธอได้รับมาตลอดทั้งชีวิต...
Alto รีบไปหา Sheryl ที่งานแสดง Conceชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาแสดงเพราะเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมจัดฉาก... เขาพบว่าเธอกำลังยืนเหม่อลอยอยู่ เขาจึงขอโทษ Sheryl เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
แต่เธอกลับพูดไล่เขาออกไปจากที่นี่ ก่อนที่ผมจะกลับ...ขอคืนตุ้มหูที่เธอได้ทำหายไปก็ยังดี คำพูดนี้ที่ทำให้ Sheryl ตกใจเล็กน้อย...
ขณะนี้เวลา 16.30 น. Alto เล่าเรื่องตุ้มหูว่า มันสามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของเจ้าของได้ ผมรู้นะว่าเธอกำลังโดดเดี่ยว แต่ Sheryl ปฏิเสธทันทีว่า ฉันไม่ได้โดดเดี่ยวนะ!!
พอดีที่ผู้จัดการส่วนตัวของ Sheryl (ผู้หญิงใส่แว่น) เดินเข้ามาในวงสนทนาของทั้งคู่และพูดว่า เป็นสายสัมพันธ์ที่ดีนะ...เอาละถึงเวลาแล้ว คนที่หลบซ่อนอยู่กรุณาออกมาเถอะ
แท้จริงแล้ว ผู้ที่หลบซ่อนตัวตั้งแต่ก่อนที่ Alto จะเดินทางมาถึงที่นี่คือ Ozma และ Catherine Glass (ผู้บัญชาการหญิงอายุเพียง 23 ปี) พวกเขาได้ทำการจับกุมทั้งคู่ในข้อหาเป็นสายลับ
แต่ผู้จัดการส่วนตัวได้บอกกับทุกคนว่า เมื่อสองชั่วโมงก่อน ได้มีกองยานส่งสัญญาณ SOS มาที่ Frontier เพื่อขอความช่วยเหลือว่าถูก Vajra โจมตี แต่ทางรัฐบาลของพวกคุณก็ไม่สนใจ...
เมื่อ Catherine ได้ยินดังนั้นจึงลองตรวจเอกสารลับต่างๆ ก็พบว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ฉันได้ข่าวลือว่าทาง Frontier คิดจะเอาทรัพยากรของดาว Vajra มาใช้เองจนต้องละทิ้งพวกเดียวกัน
Sheryl ทนฟังไม่ได้จึงขอร้อง Ozma ให้ไปช่วยกองยานนั้น โดยที่เธอยินดีจ่ายเงินตนเองเพื่อจ้างกองกำลัง S.M.S (กองกำลังพิเศษนี้ไม่ขึ้นกับรัฐบาล Frontier โดยตรง)
ทาง Ozma ยิ้มและตอบรับคำ จะฝากชีวิตไว้กับบัตร(เครดิต)นี่ละกัน ส่วน Alto เอง แทบไม่เชื่อว่า Sheryl จะเสียสละใช้เงินของเธอเพื่อการนี้
ผมเข้าร่วมกับ S.M.S เพราะมีสิ่งที่อยากปกป้อง... ไม่นึกเลยว่าเธอจะใช้เงินเพื่อการนี้ หลังการรบครั้งนี้ เอาตุ้มหูมาคืนด้วยล่ะ... ห้ามเสียหายนะ เธอพูดพร้อมกับหันหลังให้ Alto
ภารกิจนี้ชื่อว่า นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก กลุ่ม S.M.S ออกรบอย่างบ้าระห่ำ จน Alto ถึงกับตะลึง...และแล้วยานแม่ของ Vajra ปรากฏขึ้น!!
มันมีสีม่วงอมแดงเลือดหมูดั่งปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก!!...แต่ Alto ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด!! เขากลับพุ่งเข้าหายานแม่ศัตรูนั้นและยิ่งถล่มใส่ไม่ยั้งด้วยตัวคนเดียว!!!
ในขณะเดียวกัน Ranka กำลังชมการแสดง Concert ของ Sheryl อยู่...
Sheryl ได้บอกกับผู้ชมของเธอว่า เพลงต่อไป...ฉันจะร้องเพลงสำคัญของฉันนี้... ให้กับคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่... เพลงสำคัญของเธอนั้นคือเพลง Aimo ซึ่งคราวนี้ Ranka ร้องเพลงตาม Sheryl ด้วย
อันทำให้เกิดปฏิกิริยากับยานแม่ของ Vajra จนเรืองแสงเป็นสีชมพูทั้งลำ และมันเตรียมเดินทางไปทิ่อาณานิคม Frontier ทันที! โดยวิธีการบิดเบือนของเวลา...(Fold System)
อาณานิคม Frontier เกิดความวุ่นวายขึ้น เนื่องจาก Vajra บุกมาโจมตีที่อาณานิคม ทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวที่ Ranka เก็บมาเลี้ยงเปล่งแสงออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับต่างออกไปจากเดิม...
เพราะมันปรากฏให้เห็นภาพตัวเธอสมัยเด็กเล็กที่เจอ Vajra บุกมาเช่นกัน มันจะมาเอาตัวของ Ranka ไปจ้ะ... ผู้หญิงผมสีเขียวบอกกับเธออย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย พวกมันต้องการตัวหนู?
ขณะเดียวกัน Sheryl กำลังจะโดน Vajra โจมตี!! โชคดีที่ Alto ขับเครื่องบินมาช่วยไว้ทัน!! ถึงกระนั้น สถานการณ์สู้รบของ Alto ค่อนข้างเสียเปรียบเนื่องจากกำลังโดนรุม
ตอนนี้ Ranka รู้แล้วว่า Vajra โจมตีที่นี่เพราะต้องการตัวเธอ! จึงทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปที่ท่าเรือเพื่อเป็นตัวล่อ แต่
แต่...ตอนนี้ Ranka โดนพวก Vajra จับตัวไปแล้ว!! แถม Alto โดนยิงที่ปีกเครื่องบินจนเครื่องกำลังพุ่งตกพื้น!!! ทาง Sheryl กำลังสิ้นหวังต่อเหตุการณ์นี้... เธอกำลังคิดอยู่กับตัวเองว่าฉันมาที่อาณานิคมนี้เพื่ออะไร...
"เพื่อให้ความหวังและความสุขกับทุกคนยังไงละ!!"
ตอนนี้เธอมีความมั่นใจว่า เพลงของเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ได้! เธอจึงร้องเพลงต่อไปจนทำให้ตุ้มหูที่อยู่กับ Alto เกิดปฏิกิริยาเปล่งแสง...
Sheryl!! Alto กัดฟันและตั้งสติใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องบินที่ตนขับเป็น Gerwalk Mode (ครึ่งเครื่องบินครึ่งหุ่ยยนต์) เพื่อสู้กับ Vajra อีกครั้ง!!
ผู้จัดการของ Sheryl รับรู้ถึงการตื่นของ พลัง Aimo ที่อยู่ในเสียงเพลงของ Sheryl จึงบอกให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการแสดง Concert ให้ออกอากาศเสียงเพลงของ Sheryl ไปทั่วทุกพื้นที่ในอาณานิคมเพราะว่า...
พวกเรายังมีความหวังอยู่ และแล้วการแสดงของ Sheryl กำลังดำเนินต่อไปอีกครั้ง... ทุกคนเริ่มมีแสงแห่งความหวังขึ้นแม้จะเป็นเพียงแสงที่ริบหรี่ก็ตาม...
ตอนนี้เครื่องควบคุมแรงโน้มถ่วงของอาณานิคมกำลังเสียหายจนทำให้สิ่งของต่างๆกำลังลอยขึ้น (เฉพาะบางจุดในเมือง) พอดี Alto เห็นตัว Vajra ที่จับ Ranka กำลังเดินทางกลับไปที่ยาน
เขาจึงไล่ล่าตามมันแบบกัดไม่ปล่อย คราวนี้สถานการณ์เริ่มผลิกผันเพราะกลุ่ม S.M.S ใช้หุ่นยิงกระสุนปืนใหญ่เพียงครั้งเดียวจนยานของฝ่ายศัตรูจมทันที!! ซึ่งทำให้ Vajra ตัวนั้นไม่มีทางเลือก จึงหันกลับมาสู้กับ Alto
Ranka!!! เสียงตะโกนของเขานี้ ทำให้ Ranka เรียกตะโกนตอบรับเช่นกัน Alto! บัดนี้เขารู้ว่าเธอถูกจับอยู่ในตัวของ Vajra! เขาจึงพุ่งไปใช้มีดตัดตรงท้องของมัน และกำลังใช้มือหุ่นเข้าไปชิงตัว Ranka คืนมา...
แต่โชคร้ายที่โดน Vajra ใช้มือขัดขวางจนเขาต้องตัดสินใจสละหุ่นทิ้ง เพื่อให้ตัวเขาเองบินพุ่งเข้าไปช่วย Ranka ออกมาจากที่ตรงนั้นได้ซึ่งประสบผลสำเร็จ! แต่เธอกลับร่วงหล่นจากตรงนั้นทันทีเพราะแรงกระแทก!!
ในขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น Michael กำลังรอจังหวะนี้อยู่แล้วจึงยิง Vajra ตัวนั้นทิ้งทันทีและบอกให้ Alto รีบไปช่วย Ranka ซะ...!!
Ranka กำลังตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ Alto พุ่งเข้ามาอุ้มเธอไว้ได้ทัน และรีบเรียกเครื่องบินของตนให้มารับทันที(แบบรีโมตบังคับ)ก่อนที่พวกเขาจะล่วงหล่นถึงพื้นเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที!
ขณะนี้ Alto รีบเร่งเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปสถานที่ๆ Sheryl อยู่ เนื่องจากมีกองกำลังองครักษ์นางฟ้าแห่งทางช้างเผือก ย่อมเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับ Ranka ในเวลานี้...
และที่สำคัญ การให้ Ranka อยู่กับ Sheryl เพื่อให้พวกเธอเปล่งเสียงเพลงเคียงคู่กัน...
บัดนี้ถึงช่วงเวลาเผด็จศึก!! ยาน Macross เปลี่ยนเป็น Storm Attacker Mode(หุ่นยนต์) พุ่งเข้าหายานแม่ของฝ่าย Vajra และใช้มือทำการเจาะเกราะทะลุเข้าข้างในยานแม่ตรงกลางลำ
และปล่อย Missile ที่มือนั้นจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าไปในตัวยานแม่ศัตรูจนระเบิดออกมาส่วนหนึ่ง!! ซึ่งการโจมตีนี้ทำให้ Barrier ของยานแม่นั้นใช้การไม่ได้!
คราวนี้จึงใช้ Macross Canon ยิงซ้ำไปที่กลางลำยานแม่ลำนั้นจนระเบิดออกมาเป็นเศษเถ้าธุลี...
....
ทุกอย่างสงบลงแล้ว... เกิดหิมะตกลงมาจากฟากฟ้า... บัดนี้คงเหลือแต่เศษซากปรักหักพังและความโศกเศร้าดังระงมไปทั่วดั่งเช่นหิมะที่กำลังตกอยู่นี้... Alto เดินมาคืนตุ้มหูให้ Sheryl แต่เธอปฏิเสธรับคืน
เอามันไปเถอะ เธอควรได้รับมันเพราะเป็นของขวัญที่ช่วยพวกเราไว้ Sheryl มองไปที่แม่น้ำพร้อมกล่าวขอบคุณ Alto และ Ranka
ฉันไม่โดดเดี่ยวแล้วละ...
THE END Macross Frontier ~Itsuwari no Utahime~
(Macross Frontier The Movie : The False Songstress)
...
...
To be continue Macross Frontier The Movie: The Wings of Goodbye
อันที่จริง ผู้เขียนอยากรวมบทความเป็นบทความเดียว แต่เว็บ ppantip.com รับข้อมูลได้จำกัด ทำให้ผู้เขียนจำเป็นต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครับ
บทความส่วนที่สอง : http://www.ppantip.com/tech/techblog/article.php?articleID=GS2975564