Mass Reviews : 2 (+1) Players 1 Drivers
ตามสัญญาที่ให้ไว้ในกระทู้ที่แล้วกับพี่น้องทุกท่านครับกับรีวิวเครื่องเล่นเพลงพกพา Walkman รุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งสองรุ่นได้แก่ New S Series และ New E- Series ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปหมาดๆ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง (สำหรับประเทศเราจะได้ก่อนชาวบ้านนิดหน่อยครับ) ซึ่งในรีวิวคราวนี้จะเป็นการเทียบเสียงและฟังชั่นกันจะๆ ระหว่าง S และ E ด้วย โดยเฉพาะเรื่องเสียงนั้นตามที่หลายๆ ท่านขอมาเราจะฟังกันแบบเทียบตัวต่อตัวเลยทีเดียว
และเนื่องจากว่ารีวิวนี้เป็นรีวิวพิเศษดั่งที่ผมจั่วหัวไว้ข้างต้น ที่ประกอบไปด้วยเพลย์เยอร์ถึงสองตัวด้วยกันตามข้างบนพ่วงด้วยเพลย์เยอร์ทที่เป็นกรรมการตัวกลางอย่าง VAIO-Pocket ลูกรักของผมและหูฟังที่ใช้ในการรีวิวในครั้งนี้ได้แก่หูฟังขวัญใจมหาชนอย่าง MX400 และพ่วงด้วยหูฟังลึกลับ Sony MDR-570 หูฟังสวยหรูที่ยังไม่วางขายที่ไหนมาก่อน !!

ด้านซ้ายของเพลย์เยอร์ทั้งคู่จะโล่งไม่มีปุ่มกด ส่วนด้านขวานั้นทั้ง 2 รุ่นจะมีการวางตำแหน่งที่เหมือนๆ กันทั้งปุ่ม เพิ่ม/ลด Volume และ Hold ส่วนที่แตกต่างอย่างหนึ่งเดียวก็คือปุ่มการเลื่อน Output ที่มีอยู่ใน S Series เท่านั้น (เปลี่ยน Output ว่าจะให้ออกหูฟังหรือว่าลำโพง Built in ครับ)

และที่สำคัญ อ่านไทยได้ 100 เปอร์เซ้นต์ครับ...

UI (User Interface) ของหน้าจอเล่นเพลงก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้นั่นก็รวมไปถึงการควบคุมปุ่มฮาร์ดเวร์ข้างนอกที่เหมือนเดิมอีกด้วย แต่เมื่อเรากดไปที่ Option ขณะเล่นเพลงนั้นจะเห็นได้ชัดว่า New S-Series ได้ตัดฟีเจอร์ Noise Cancelling (NC) และ Sense Me (ของโปรดผมเลยอ่ะ( ; 3 ; ) ) ออกไปแต่อย่างอื่นก็ยังคลับคล้ายกับของเดิม นั่นรวมไปถึง EQ แบบ Sony 5 แบบพร้อมทั้ง Custom ตามใจผู้ใช้อีก 2 สล๊อตที่ติดตั้งมาด้วย

หลังจากการใช้การเลือกเมนูไล่ไปพร้อมกันๆ ทั้ง S Series และ E Series ผมสามารถเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนได้หนึ่งอย่างก็คือความหน่วงของการไล่เมนูไอคอนแต่ละอันนั้น E Series จะมีอัตราหน่วงมากกว่า S Series อยู่พอประมาณ ส่วน S Series น้ะนไม่ว่าจะกดไล่ไอคอนเมนูไปรวดเร็วปานใดก็ไม่มีการหน่วงให้เห็น การหน่วงที่ผมว่านั้นรวมไปถึงจังหวะการกดเปลี่ยนเปลงด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ผมไล่ไปทุกๆ เมนูเพื่อทำการเปรียบเทียบกันแล้วฟังชั่นต่างๆ ของทั้งสองเครื่องนั้นเทบไม่มีความแตกต่างกันเลย นอกเสียจากเมนูการตั้งค่า SP Build-in (ลำโพงนอก) ที่เพิ่มเข้ามาใน S-Series แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าทั้งหมดจะเหมือนกันแต่ภาคการถ่ายทอดทั้งขนาดและความคมชัดของหน้าจอแสดงผลที่มากกว่าของ S-Series นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองเครื่องแตกต่างกันในเรื่องของราคา และแน่นอนความต่างของราคานั้นนำมาซึ่งความแตกต่างที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างความแตกต่างในเรื่องเสียงที่ผมจะพูดถึงในหัวข้อต่อไปอีกด้วย
Sound Testing
อย่างที่ผมได้บอกเอาไว้เมื่อตอนต้นบทความถึงการเปรียบเทียบรายละเอียดเสียงของเพลย์เยอร์ทั้งสองตัว E-Series และ S-Series แบบตัวต่อตัว ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้นอกจากเพลย์เยอร์ทั้งสองแล้วก็มีเพลย์เยอร์ส่วนตัวที่ผมใช้ฟังเป็นประจำจนชินหูอย่าง VAIO Pocket เป็นเพลย์เยอร์เสียงกลางในการทดสอบครั้งนี้ และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของความต่างในรายละเอียดเสียงเพลย์เยอร์ทั้งหมดจะต่อผ่าน Amp Head Stage Lyrix Pro Total USB (ชื่อโคตรยาว) ในการสดับรับฟังเปรียบเทียบครั้งนี้ครับ (นอกเรื่อง – ตัว Head Stage Lyrix ที่ผมว่ามานี้ยิ่งตอกย้ำความคิดของผมที่ว่าตามพี่ G-7 ไว้ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ)


ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอรีวิวเจ้า MDR-570 LP ต่ออีกสักนิดดีกว่า เท่าที่ผมเสาะหาดูยังไม่มีเว็บไซต์เจ้าไหนที่รีวิวเจ้า MDR-570 LP ไปแล้ว ซึ่งจากแหล่งข่าวที่ได้ MDR-570 LP จัดเป็นหูฟังที่ทาง Sony วางตำแหน่งของมันมาเพื่อ “กลุ่มผู้ฟังเพลงในระดับที่สูงขึ้น” ซึ่งเจ้า 570 จะใช้ไดรฟเวอร์ขนาด 30mm และมีสเปคโดยรวมอยู่ที่ 105 dB/mW sensitivity, a 12 kHz – 22 kHz reproduction bandwidth and a 24 ohm ( at 1kHz ) (ก๊อปมา) และหลังจากการที่ได้อยู่กินกับมันเป็นเวลาเดือนเศษๆ ก็ผมว่าแนวเสียงของเจ้า MDR-570 นั้นออกไปทางโทนเคร่งขรึมและหนักหน่วงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฟังเพลงประเภท Pop/Rock เสียงเบสที่ได้จาก MDR-570 นั้นจัดว่าดูดีและสัมผัสได้ รายละเอียดเสียงที่ได้ก็ออกมาครบถ้วน สิ่งที่ผมถูกใจเจ้า MDR-570 มากๆ ก็คือ Sound Stage ที่กว้างขวางเอามากๆ และรูปลักษณ์ที่สะดุดตาที่สวยสุดๆ ซึ่งจากการสอบถามนั้น MDR-570 จะทยอยลงมาตามชอปของ Sony เร็วๆ นี้ครับ (ยกเว้นใครที่อยู่ญี่ปุ่นซึ่งวางขายก่อนหน้าเราสัก 2 เดือนได้)
Mass Reviews : 2 (+1) Players 1 Drivers
ตามสัญญาที่ให้ไว้ในกระทู้ที่แล้วกับพี่น้องทุกท่านครับกับรีวิวเครื่องเล่นเพลงพกพา Walkman รุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งสองรุ่นได้แก่ New S Series และ New E- Series ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปหมาดๆ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง (สำหรับประเทศเราจะได้ก่อนชาวบ้านนิดหน่อยครับ) ซึ่งในรีวิวคราวนี้จะเป็นการเทียบเสียงและฟังชั่นกันจะๆ ระหว่าง S และ E ด้วย โดยเฉพาะเรื่องเสียงนั้นตามที่หลายๆ ท่านขอมาเราจะฟังกันแบบเทียบตัวต่อตัวเลยทีเดียว
และเนื่องจากว่ารีวิวนี้เป็นรีวิวพิเศษดั่งที่ผมจั่วหัวไว้ข้างต้น ที่ประกอบไปด้วยเพลย์เยอร์ถึงสองตัวด้วยกันตามข้างบนพ่วงด้วยเพลย์เยอร์ทที่เป็นกรรมการตัวกลางอย่าง VAIO-Pocket ลูกรักของผมและหูฟังที่ใช้ในการรีวิวในครั้งนี้ได้แก่หูฟังขวัญใจมหาชนอย่าง MX400 และพ่วงด้วยหูฟังลึกลับ Sony MDR-570 หูฟังสวยหรูที่ยังไม่วางขายที่ไหนมาก่อน !!
ด้านซ้ายของเพลย์เยอร์ทั้งคู่จะโล่งไม่มีปุ่มกด ส่วนด้านขวานั้นทั้ง 2 รุ่นจะมีการวางตำแหน่งที่เหมือนๆ กันทั้งปุ่ม เพิ่ม/ลด Volume และ Hold ส่วนที่แตกต่างอย่างหนึ่งเดียวก็คือปุ่มการเลื่อน Output ที่มีอยู่ใน S Series เท่านั้น (เปลี่ยน Output ว่าจะให้ออกหูฟังหรือว่าลำโพง Built in ครับ)
และที่สำคัญ อ่านไทยได้ 100 เปอร์เซ้นต์ครับ...
UI (User Interface) ของหน้าจอเล่นเพลงก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้นั่นก็รวมไปถึงการควบคุมปุ่มฮาร์ดเวร์ข้างนอกที่เหมือนเดิมอีกด้วย แต่เมื่อเรากดไปที่ Option ขณะเล่นเพลงนั้นจะเห็นได้ชัดว่า New S-Series ได้ตัดฟีเจอร์ Noise Cancelling (NC) และ Sense Me (ของโปรดผมเลยอ่ะ( ; 3 ; ) ) ออกไปแต่อย่างอื่นก็ยังคลับคล้ายกับของเดิม นั่นรวมไปถึง EQ แบบ Sony 5 แบบพร้อมทั้ง Custom ตามใจผู้ใช้อีก 2 สล๊อตที่ติดตั้งมาด้วย
หลังจากการใช้การเลือกเมนูไล่ไปพร้อมกันๆ ทั้ง S Series และ E Series ผมสามารถเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนได้หนึ่งอย่างก็คือความหน่วงของการไล่เมนูไอคอนแต่ละอันนั้น E Series จะมีอัตราหน่วงมากกว่า S Series อยู่พอประมาณ ส่วน S Series น้ะนไม่ว่าจะกดไล่ไอคอนเมนูไปรวดเร็วปานใดก็ไม่มีการหน่วงให้เห็น การหน่วงที่ผมว่านั้นรวมไปถึงจังหวะการกดเปลี่ยนเปลงด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ผมไล่ไปทุกๆ เมนูเพื่อทำการเปรียบเทียบกันแล้วฟังชั่นต่างๆ ของทั้งสองเครื่องนั้นเทบไม่มีความแตกต่างกันเลย นอกเสียจากเมนูการตั้งค่า SP Build-in (ลำโพงนอก) ที่เพิ่มเข้ามาใน S-Series แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าทั้งหมดจะเหมือนกันแต่ภาคการถ่ายทอดทั้งขนาดและความคมชัดของหน้าจอแสดงผลที่มากกว่าของ S-Series นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองเครื่องแตกต่างกันในเรื่องของราคา และแน่นอนความต่างของราคานั้นนำมาซึ่งความแตกต่างที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างความแตกต่างในเรื่องเสียงที่ผมจะพูดถึงในหัวข้อต่อไปอีกด้วย
Sound Testing
อย่างที่ผมได้บอกเอาไว้เมื่อตอนต้นบทความถึงการเปรียบเทียบรายละเอียดเสียงของเพลย์เยอร์ทั้งสองตัว E-Series และ S-Series แบบตัวต่อตัว ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้นอกจากเพลย์เยอร์ทั้งสองแล้วก็มีเพลย์เยอร์ส่วนตัวที่ผมใช้ฟังเป็นประจำจนชินหูอย่าง VAIO Pocket เป็นเพลย์เยอร์เสียงกลางในการทดสอบครั้งนี้ และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของความต่างในรายละเอียดเสียงเพลย์เยอร์ทั้งหมดจะต่อผ่าน Amp Head Stage Lyrix Pro Total USB (ชื่อโคตรยาว) ในการสดับรับฟังเปรียบเทียบครั้งนี้ครับ (นอกเรื่อง – ตัว Head Stage Lyrix ที่ผมว่ามานี้ยิ่งตอกย้ำความคิดของผมที่ว่าตามพี่ G-7 ไว้ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ)
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอรีวิวเจ้า MDR-570 LP ต่ออีกสักนิดดีกว่า เท่าที่ผมเสาะหาดูยังไม่มีเว็บไซต์เจ้าไหนที่รีวิวเจ้า MDR-570 LP ไปแล้ว ซึ่งจากแหล่งข่าวที่ได้ MDR-570 LP จัดเป็นหูฟังที่ทาง Sony วางตำแหน่งของมันมาเพื่อ “กลุ่มผู้ฟังเพลงในระดับที่สูงขึ้น” ซึ่งเจ้า 570 จะใช้ไดรฟเวอร์ขนาด 30mm และมีสเปคโดยรวมอยู่ที่ 105 dB/mW sensitivity, a 12 kHz – 22 kHz reproduction bandwidth and a 24 ohm ( at 1kHz ) (ก๊อปมา) และหลังจากการที่ได้อยู่กินกับมันเป็นเวลาเดือนเศษๆ ก็ผมว่าแนวเสียงของเจ้า MDR-570 นั้นออกไปทางโทนเคร่งขรึมและหนักหน่วงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฟังเพลงประเภท Pop/Rock เสียงเบสที่ได้จาก MDR-570 นั้นจัดว่าดูดีและสัมผัสได้ รายละเอียดเสียงที่ได้ก็ออกมาครบถ้วน สิ่งที่ผมถูกใจเจ้า MDR-570 มากๆ ก็คือ Sound Stage ที่กว้างขวางเอามากๆ และรูปลักษณ์ที่สะดุดตาที่สวยสุดๆ ซึ่งจากการสอบถามนั้น MDR-570 จะทยอยลงมาตามชอปของ Sony เร็วๆ นี้ครับ (ยกเว้นใครที่อยู่ญี่ปุ่นซึ่งวางขายก่อนหน้าเราสัก 2 เดือนได้)