Review Need for speed : shift
Series Need for Speed ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน มีทั้งช่วงขาขึ้นไปขนถึงขาลง (ถึงช่วงหลังๆดูจะมีแต่ ลง ลง ลง) เพราะในภาคหลังๆมากนับตั้งแต่ Most Wanted หรือตั้งแต่ภาค UG นับได้ว่า Series NFS ไม่ได้มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงมากมายเท่าไหร่นัก ในที่สุดเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ EA ตัดสินใจให้ Slightly Mad Studios ผู้เคยพัฒนาเกม series GTR ให้เข้ามารับหน้าที่ในการสร้างสรรค์ NFS : Shift แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ให้ดอกให้ผลหรือไม่? ใช่ครับและนับได้ว่าเป็นผลที่สวยงามเลยทีเดียว
นับได้ว่าทางทีมพัฒนาสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่นับได้ว่าดูเข้าท่าเข้าทางให้กับเกม แข่งรถ เลยทีเดียว โอ้ ลืมบอกไปว่าการกลับมาครั้งนี้ของ NFS ไม่ใช่ในรูปแบบ Arcade Racing หรือเกมแข่งรถที่เน้นความง่ายอีกต่อไปแล้ว แต่โฉมใหม่ของ NFS นั้นกลับมุ่งเน้นในด้าน Simulation ใช่แล้วครับ ลืม NFS ที่เราคุ้นเคยไปซะ แต่ถึงอย่างนั้น Shift ก็ยังคงมีส่วนผสมของ Arcade ผสมอยู่ด้วยและทางทีมพัฒนาตัดสินใจได้ดีเลยทีเดียวว่า อะไรในเกมควรเป็น Arcade และอะไรในเกมที่ควรเป็น Simulation
มุมมองและกราฟฟิก
ส่วนที่สมจริงของเกมนี้ก็คือในส่วนของ Presentation หน้าจอ บรรยากาศในการแข่ง มุมมองภายในรถ แต่ในส่วนของการควบคุมนั้นก็ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับทั้งผู้เล่นที่คุ้นเคยกับ NFS ภาคเก่าๆไปจนถึงแฟนเกมที่ชื่นชอบความสมจริงของการขับรถเลยทีเดียว การแข่งขันในภาคนี้นั้นจะเกิดขึ้นในสนามปิด เช่นเดียว กับภาค Prostreet ใช่แล้วครับไม่มีตำรวจ ไม่มีรถซิ่งผิดกฎหมาย มีแต่สนามแข่งชื่อดังเช่น Laguna Seca หรือ Nurbergring ให้พวกเราได้เข้าไปเผาล้อกันอย่างเมามันส์ ส่วนนึงที่ต้องขอชมก่อนเลยก็คือ สนามแข่งทุกๆสนามในเกม (ราวๆ 20 สนาม) ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและสนุกสนานในการขับแน่นอน
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าภาคนี้มีเนื้อเรื่องหรือเปล่าก็บอกได้เลยว่าแทบจะไม่มีเนื้อเรื่องเลยนะครับ (จริงๆจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้) สิ่งที่คุณจะได้เห็นในเกมก็คือการแข่งรถล้วนๆ ไม่มีเรื่องตำรวจ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด อะไรทั้งนั้น
แต่ถึงไม่มีเนื้อเรื่องมาช่วยดึงอารมณ์ร่วม แต่บอกได้เลยว่าส่วนอื่นๆในเกมนั้นทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลย ไม่ว่าจะเป็นดนตรี เมนูต่างๆ วีดีโอตอนแนะนำ Event ภายในเกม สิ่งเหล่านี้จะคอยดึงดูดให้คุณเล่นไปสนามแล้วสนามเล่า และความยอดเยี่ยมที่ว่ามานี้เทียบไปไม่ได้กับส่วนสำคัญของภาคนี้ที่เรียกได้ว่าเป็ฯเหมือนหัวใจหลักของ NFS:Shift เลย นั่นก็คือ มุมมองหลังพวงมาลัย
พูดตรงๆเลยว่าการจะเล่น NFS ภาคนี้ให้ได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้น ยังไงๆก็ต้องเล่นที่มุมมองภายในรถ ไม่ใช่มุมมองจากภายนอก เรียกได้ว่ามุมมองภายในอันยอดเยี่ยมทำให้ Shift แตกต่างจากเกมอื่นๆในตลาดตอนนี้เลยทีเดียว Slightly Mad ได้สร้างมุมมองภายในรถที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจริงๆ บนรถแข่งจริงๆเลยทีเดียว เพราะแทนที่มุมกล้องภายในรถจะแข็งทื่อไม่ขยับอะไรทั้งสิ้น แต่ใน Shift นั้นมุมมองภายในจะเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆภายในห้องคนขับ ไม่ว่าคุณจะเบรก ออกตัว เข้าโค้ง หรือเกิดการชน (ตอนชนนี่เท่ห์มาก) มุมมองที่คุณจะได้เห็นภายในเกมล้วนสมจริงอย่างยิ่ง (ไม่ต้องห่วงครับไม่สมจริงเกินจนทำให้คุณอยากคายของเก่าแน่นอน)
ด้วยมุมมองภายในรถคุณยังสามารถรู้สึกได้ถึงความเร็วของตัวรถ ไม่ว่าจะเหยียบที่ 180 หรือ 200 ความแตกต่างนั้นมากจนรู้สึกได้ Shift นั้นจะทำให้คุณรู้สึกถึง “ความเร็ว” ที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เหยียบจนมิดแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนในเกมอื่นๆ และเมื่อคุณเล่นไปถึงช่วงหลังๆภายในเกม ตอนที่ได้รถแรงม้าสูงๆ ตอนเล่นบางครั้งคุณจะถึงกับรู้สึกว่าต้องผ่อนคันเร่งเลยทีเดียว (เป็นเกมแรกเลยนะเนี่ยที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้) Shift ทำให้คุณรู้สึกถึงคำว่า “ความเร็ว” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมอื่นๆ
ในส่วนของกราฟฟิกนั้นนับได้ว่าบนเครื่อง PC ดูจะได้สวยงามมากกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น Motion Blur ที่ดูดีกว่า รายละเอียดของ Model รถที่มากกว่า แสงเงา ความร้อน เรียกได้ว่ากราฟฟิกในเกม Shift นั้นงดงามไม่แพ้เกมแข่งรถอื่นๆแน่นอน ในส่วนของรายละเอียดจากการชนนั้นก็สามารถสังเกตุเห็นได้ และก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของ ผล จากกความเสียหายที่เกิดกับตัวรถนั้น ภายในเกม มีตัวเลือก ระหว่าง \'Visual Only\' กับ \'Full\' แต่เป็นที่น่าเสียดายและนับว่าเป็นข้อด้อยีกอย่างนึงของเกมก็คือถึงแม้จะเลือกเป็น Full ไว้นั้น ผลกระทบที่สูงที่สุดจากความเสียหายของตัวรถก็มีเพียง อาการส่ายของตัวรถ ภายในเกมนั้นยังไงตัวรถก็ไม่มีทางพัง สวนทางกับความสมจริงในส่วนอื่นๆของเกม ในส่วนของเสียงประกอบ ในเกมนั้นเยี่ยมยอดเอามากๆเลยครับ เสียงเครื่องยนต์ เสียงจากท่อไอเสีย และเพลงประกอบ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมลงตัวมากๆ เรียกได้ว่าดึงวิญญาณนักซิ่งตีนผีของทุกท่านให้อยากออกไปแว๊นท์กันได้เลยทีเดียว
รูปแบบการเล่น
อย่างที่เล่าให้ฟังในช่วงแรกนะครับรูปแบบการเล่นของภาคนี้จะเกิดในสนามปิดทั้งหมด การแข่งขันในโหมดอาชีพมีหลายรูปแบบและแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกันไป รูปแบบการขับขี่ของผูเล่นนั้นจะส่งผลต่อคะแนนที่ได้แตกต่างกันไปในทุกสนาม เช่น หากสไตล์การขับขอบคุณเป็นแบบกวนทีน ไล่ชนรถคู่ต่อสู้ เบียดรถคู่แข่งให้ตกถนน ก็จะทำให้คุณได้คะแนนในการแข่งขัน หรือถ้าคุณเป็นนักขับแนวพริ้วไหวดุจสายน้ำ เข้าโค้งอย่างไม่สะดุดสุดละมุนเลี้ยงเด็กในรถก็ยังไหว ก็จะทำให้คุณได้คะแนนเช่นกัน ตัวเกมก็จะมีเป้าหมายให้คุณทำเพื่อเก็บคะแนนระหว่างแข่ง คะแนนเหล่านี้จะถูกสะสมในรูปแบบของค่าประสบการณ์ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ระดับ level ของคุณก็จะพัฒนาสูงขึ้น Icon ของตัวคุณก็จะเปลี่ยนไป ตามสไตล์การขับขี่ของคุณ ทำให้คุณสามารถเข้าร่วมการแข่งขันใหม่ๆ อุปกรณ์แต่งรถแบบใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของสปอนเซอร์ใหม่ก็จะปรากฏขึ้นให้คุณได้เลือกใช้อีกด้วย อีกจุดหนึ่งที่น่าชื่นชมก็คือ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมในโหมดไหน คุณก็สามารถเก็บคะแนนในการแข่งเพื่อนำมาเลื่อนระดับของ Driver level ได้เช่นกัน ทำให้มีอะไรมากมายให้ปลดล็อคและทำให้ style การเล่นของผู้เล่นนั้นแตกต่างกันไป ในส่วนของโหมดการเล่นหลายคนนั้นรองรับการเชื่อมต่อโดยใช้ EA account นะครับ รูปแบบการเล่นก็เป็นมาตรฐานแบบที่เรารู้จักกันดี เท่าที่ได้ลองเล่นกับ Net 3 mb บ้านๆของผมก็ลื่นไหลดีครับ แต่ก็แพ้ตลอดเหมือนเดิม แหะๆ
ในส่วนของการปรับต่างรถนั้นทำได้ทั้งการแต่งสีหรือ Body ทั่วไปที่เราคุ้นเคยไปจนถึงการ จูนรถ สำหรับเหล่าแฟนๆที่ชื่นชอบรายละเอียดอันสมจริง รายละเอียดของการปรับแต่งนั้นมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ downforce ไปจนถึง tyre pressure กันเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วนั้น นับ ได้ว่า Shift เป็นการกลับมาอย่างยอดเยี่ยมของ Series Need for Speed การจะผสมเกมการเล่นแบบสมจริงเข้ากับเกมแข่งรถในแนว Arcade ให้ออกมาได้ลงตัวนั้นไม่ใช่งานที่ง่ายๆเลยแต่ทาง Slightly Mad Studios ก็ทำสำเร็จ Shift เป็นหนึ่งในเกมแข่งรถอันยอดเยี่ยมของปีนี้ เรียกได้ว่าเทียบชั้นเกมแข่งรถชั้นนำเกมอื่นๆได้อย่างสบาย หากเพื่อนๆกำลังมองหาเกมแข่งรถดีๆในตอนนี้ล่ะก็ Shift นับได้ว่าเป็นตัวเลือกแรกๆที่ผมแนะนำในตอนนี้เลยครับ
คุณจะชอบ
- การควบคุมรถสมจริงกว่า Grid
- มีอะไรให้ปลดล็อคมากมาย
คุณคงไม่ชอบ
- Drifting ดูจะเน้นการควบคุมมากกว่าความสนุก
- มีรถให้เลือกน้อยไปหน่อย
- โหลดนานพอสมควร
Review: Need for Speed:Shift
Review Need for speed : shift
Series Need for Speed ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน มีทั้งช่วงขาขึ้นไปขนถึงขาลง (ถึงช่วงหลังๆดูจะมีแต่ ลง ลง ลง) เพราะในภาคหลังๆมากนับตั้งแต่ Most Wanted หรือตั้งแต่ภาค UG นับได้ว่า Series NFS ไม่ได้มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงมากมายเท่าไหร่นัก ในที่สุดเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ EA ตัดสินใจให้ Slightly Mad Studios ผู้เคยพัฒนาเกม series GTR ให้เข้ามารับหน้าที่ในการสร้างสรรค์ NFS : Shift แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ให้ดอกให้ผลหรือไม่? ใช่ครับและนับได้ว่าเป็นผลที่สวยงามเลยทีเดียว
นับได้ว่าทางทีมพัฒนาสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่นับได้ว่าดูเข้าท่าเข้าทางให้กับเกม แข่งรถ เลยทีเดียว โอ้ ลืมบอกไปว่าการกลับมาครั้งนี้ของ NFS ไม่ใช่ในรูปแบบ Arcade Racing หรือเกมแข่งรถที่เน้นความง่ายอีกต่อไปแล้ว แต่โฉมใหม่ของ NFS นั้นกลับมุ่งเน้นในด้าน Simulation ใช่แล้วครับ ลืม NFS ที่เราคุ้นเคยไปซะ แต่ถึงอย่างนั้น Shift ก็ยังคงมีส่วนผสมของ Arcade ผสมอยู่ด้วยและทางทีมพัฒนาตัดสินใจได้ดีเลยทีเดียวว่า อะไรในเกมควรเป็น Arcade และอะไรในเกมที่ควรเป็น Simulation
มุมมองและกราฟฟิก
ส่วนที่สมจริงของเกมนี้ก็คือในส่วนของ Presentation หน้าจอ บรรยากาศในการแข่ง มุมมองภายในรถ แต่ในส่วนของการควบคุมนั้นก็ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับทั้งผู้เล่นที่คุ้นเคยกับ NFS ภาคเก่าๆไปจนถึงแฟนเกมที่ชื่นชอบความสมจริงของการขับรถเลยทีเดียว การแข่งขันในภาคนี้นั้นจะเกิดขึ้นในสนามปิด เช่นเดียว กับภาค Prostreet ใช่แล้วครับไม่มีตำรวจ ไม่มีรถซิ่งผิดกฎหมาย มีแต่สนามแข่งชื่อดังเช่น Laguna Seca หรือ Nurbergring ให้พวกเราได้เข้าไปเผาล้อกันอย่างเมามันส์ ส่วนนึงที่ต้องขอชมก่อนเลยก็คือ สนามแข่งทุกๆสนามในเกม (ราวๆ 20 สนาม) ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและสนุกสนานในการขับแน่นอน
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าภาคนี้มีเนื้อเรื่องหรือเปล่าก็บอกได้เลยว่าแทบจะไม่มีเนื้อเรื่องเลยนะครับ (จริงๆจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้) สิ่งที่คุณจะได้เห็นในเกมก็คือการแข่งรถล้วนๆ ไม่มีเรื่องตำรวจ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด อะไรทั้งนั้น
แต่ถึงไม่มีเนื้อเรื่องมาช่วยดึงอารมณ์ร่วม แต่บอกได้เลยว่าส่วนอื่นๆในเกมนั้นทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลย ไม่ว่าจะเป็นดนตรี เมนูต่างๆ วีดีโอตอนแนะนำ Event ภายในเกม สิ่งเหล่านี้จะคอยดึงดูดให้คุณเล่นไปสนามแล้วสนามเล่า และความยอดเยี่ยมที่ว่ามานี้เทียบไปไม่ได้กับส่วนสำคัญของภาคนี้ที่เรียกได้ว่าเป็ฯเหมือนหัวใจหลักของ NFS:Shift เลย นั่นก็คือ มุมมองหลังพวงมาลัย
พูดตรงๆเลยว่าการจะเล่น NFS ภาคนี้ให้ได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้น ยังไงๆก็ต้องเล่นที่มุมมองภายในรถ ไม่ใช่มุมมองจากภายนอก เรียกได้ว่ามุมมองภายในอันยอดเยี่ยมทำให้ Shift แตกต่างจากเกมอื่นๆในตลาดตอนนี้เลยทีเดียว Slightly Mad ได้สร้างมุมมองภายในรถที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจริงๆ บนรถแข่งจริงๆเลยทีเดียว เพราะแทนที่มุมกล้องภายในรถจะแข็งทื่อไม่ขยับอะไรทั้งสิ้น แต่ใน Shift นั้นมุมมองภายในจะเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆภายในห้องคนขับ ไม่ว่าคุณจะเบรก ออกตัว เข้าโค้ง หรือเกิดการชน (ตอนชนนี่เท่ห์มาก) มุมมองที่คุณจะได้เห็นภายในเกมล้วนสมจริงอย่างยิ่ง (ไม่ต้องห่วงครับไม่สมจริงเกินจนทำให้คุณอยากคายของเก่าแน่นอน)
ด้วยมุมมองภายในรถคุณยังสามารถรู้สึกได้ถึงความเร็วของตัวรถ ไม่ว่าจะเหยียบที่ 180 หรือ 200 ความแตกต่างนั้นมากจนรู้สึกได้ Shift นั้นจะทำให้คุณรู้สึกถึง “ความเร็ว” ที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เหยียบจนมิดแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนในเกมอื่นๆ และเมื่อคุณเล่นไปถึงช่วงหลังๆภายในเกม ตอนที่ได้รถแรงม้าสูงๆ ตอนเล่นบางครั้งคุณจะถึงกับรู้สึกว่าต้องผ่อนคันเร่งเลยทีเดียว (เป็นเกมแรกเลยนะเนี่ยที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้) Shift ทำให้คุณรู้สึกถึงคำว่า “ความเร็ว” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมอื่นๆ
ในส่วนของกราฟฟิกนั้นนับได้ว่าบนเครื่อง PC ดูจะได้สวยงามมากกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น Motion Blur ที่ดูดีกว่า รายละเอียดของ Model รถที่มากกว่า แสงเงา ความร้อน เรียกได้ว่ากราฟฟิกในเกม Shift นั้นงดงามไม่แพ้เกมแข่งรถอื่นๆแน่นอน ในส่วนของรายละเอียดจากการชนนั้นก็สามารถสังเกตุเห็นได้ และก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของ ผล จากกความเสียหายที่เกิดกับตัวรถนั้น ภายในเกม มีตัวเลือก ระหว่าง \'Visual Only\' กับ \'Full\' แต่เป็นที่น่าเสียดายและนับว่าเป็นข้อด้อยีกอย่างนึงของเกมก็คือถึงแม้จะเลือกเป็น Full ไว้นั้น ผลกระทบที่สูงที่สุดจากความเสียหายของตัวรถก็มีเพียง อาการส่ายของตัวรถ ภายในเกมนั้นยังไงตัวรถก็ไม่มีทางพัง สวนทางกับความสมจริงในส่วนอื่นๆของเกม ในส่วนของเสียงประกอบ ในเกมนั้นเยี่ยมยอดเอามากๆเลยครับ เสียงเครื่องยนต์ เสียงจากท่อไอเสีย และเพลงประกอบ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมลงตัวมากๆ เรียกได้ว่าดึงวิญญาณนักซิ่งตีนผีของทุกท่านให้อยากออกไปแว๊นท์กันได้เลยทีเดียว
รูปแบบการเล่น
อย่างที่เล่าให้ฟังในช่วงแรกนะครับรูปแบบการเล่นของภาคนี้จะเกิดในสนามปิดทั้งหมด การแข่งขันในโหมดอาชีพมีหลายรูปแบบและแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกันไป รูปแบบการขับขี่ของผูเล่นนั้นจะส่งผลต่อคะแนนที่ได้แตกต่างกันไปในทุกสนาม เช่น หากสไตล์การขับขอบคุณเป็นแบบกวนทีน ไล่ชนรถคู่ต่อสู้ เบียดรถคู่แข่งให้ตกถนน ก็จะทำให้คุณได้คะแนนในการแข่งขัน หรือถ้าคุณเป็นนักขับแนวพริ้วไหวดุจสายน้ำ เข้าโค้งอย่างไม่สะดุดสุดละมุนเลี้ยงเด็กในรถก็ยังไหว ก็จะทำให้คุณได้คะแนนเช่นกัน ตัวเกมก็จะมีเป้าหมายให้คุณทำเพื่อเก็บคะแนนระหว่างแข่ง คะแนนเหล่านี้จะถูกสะสมในรูปแบบของค่าประสบการณ์ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ระดับ level ของคุณก็จะพัฒนาสูงขึ้น Icon ของตัวคุณก็จะเปลี่ยนไป ตามสไตล์การขับขี่ของคุณ ทำให้คุณสามารถเข้าร่วมการแข่งขันใหม่ๆ อุปกรณ์แต่งรถแบบใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของสปอนเซอร์ใหม่ก็จะปรากฏขึ้นให้คุณได้เลือกใช้อีกด้วย อีกจุดหนึ่งที่น่าชื่นชมก็คือ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมในโหมดไหน คุณก็สามารถเก็บคะแนนในการแข่งเพื่อนำมาเลื่อนระดับของ Driver level ได้เช่นกัน ทำให้มีอะไรมากมายให้ปลดล็อคและทำให้ style การเล่นของผู้เล่นนั้นแตกต่างกันไป ในส่วนของโหมดการเล่นหลายคนนั้นรองรับการเชื่อมต่อโดยใช้ EA account นะครับ รูปแบบการเล่นก็เป็นมาตรฐานแบบที่เรารู้จักกันดี เท่าที่ได้ลองเล่นกับ Net 3 mb บ้านๆของผมก็ลื่นไหลดีครับ แต่ก็แพ้ตลอดเหมือนเดิม แหะๆ
ในส่วนของการปรับต่างรถนั้นทำได้ทั้งการแต่งสีหรือ Body ทั่วไปที่เราคุ้นเคยไปจนถึงการ จูนรถ สำหรับเหล่าแฟนๆที่ชื่นชอบรายละเอียดอันสมจริง รายละเอียดของการปรับแต่งนั้นมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ downforce ไปจนถึง tyre pressure กันเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วนั้น นับ ได้ว่า Shift เป็นการกลับมาอย่างยอดเยี่ยมของ Series Need for Speed การจะผสมเกมการเล่นแบบสมจริงเข้ากับเกมแข่งรถในแนว Arcade ให้ออกมาได้ลงตัวนั้นไม่ใช่งานที่ง่ายๆเลยแต่ทาง Slightly Mad Studios ก็ทำสำเร็จ Shift เป็นหนึ่งในเกมแข่งรถอันยอดเยี่ยมของปีนี้ เรียกได้ว่าเทียบชั้นเกมแข่งรถชั้นนำเกมอื่นๆได้อย่างสบาย หากเพื่อนๆกำลังมองหาเกมแข่งรถดีๆในตอนนี้ล่ะก็ Shift นับได้ว่าเป็นตัวเลือกแรกๆที่ผมแนะนำในตอนนี้เลยครับ
คุณจะชอบ
- การควบคุมรถสมจริงกว่า Grid
- มีอะไรให้ปลดล็อคมากมาย
คุณคงไม่ชอบ
- Drifting ดูจะเน้นการควบคุมมากกว่าความสนุก
- มีรถให้เลือกน้อยไปหน่อย
- โหลดนานพอสมควร