การเงิน - การลงทุน
วันที่ 29 ธันวาคม 2555 11:23
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง
"คลัง"สรุปปรับกองทุนวายุภักษ์1 จากกองทุนปิด เป็นกองทุนเปิด ปีละครั้ง พร้อมขยายขนาดกองทุน เป็น 5 แสนล้านบาท
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการแปรสภาพกองทุนวายุภักษ์ 1 ว่า ได้พิจารณาอนุมัติแผนการแปรภสภาพกองทุนเป็นกองทุนเปิดขนาดในเบื้องต้นไม่เกิน 5 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีขนาด 3.7 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีและผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อพิจารณาอนุมัติตามลำดับในกลางปี 56
ทั้งนี้กองทุนวายุภักษ์ 1 ซึ่งมีอายุนับจากก่อตั้งจนถึงวันนี้เป็นเวลา 9 ปี และจะครบกองทุนปิดที่กำหนดไว้ 10 ปีในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ซึ่งกระทรวงการคลัง ต้องการให้กองทุนวายุภักษ์ 1 นี้ ดำเนินการต่อไป แต่จะปรับรูปแบบกองทุนใหม่ โดยรูปแบบกองทุนวายุภักษ์ใหม่นี้ จะเป็นลักษณะกองทุนเปิด แต่จะเปิดให้เข้าและออกจากกองทุนได้ปีละครั้งเท่านั้น และจะไม่มีการการันตีผลตอบแทนของกองทุน เหมือนเช่นเงื่อนไขในในปัจจุบันของกองทุนวายุภักษ์ 1 "
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่การันตีผลตอบแทน แต่เนื่องจากทรัพย์สินของกองทุนวานยุภักษ์ ที่ส่วนหนึ่งเป็นทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง ที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3 % อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ใหม่ ตัวทรัพย์สินนี้ก็จะถูกโอนไปยังกองทุนใหม่ ซึ่งตัวทรัพย์สินที่เป็นหุ้นของกระทรวงการคลังดังกล่าว จะช่วย back up ผลตอบแทนของกองทุนใหม่ ให้สามารถได้ผลตอบแทนขั้นต่ำในระดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมากองทุนวายุภักษ์ 1 ให้ผลตอบแทนสะสมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6 % โดยมีอัตราผลตอบแทนที่การันตีไว้ไม่ต่ำกว่า 3 %
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ทำการชี้แจงให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ทราบถึงเงื่อนไขใหม่ของการแปรสภาพกองทุนวายุภักษ์ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทราบ ภายในเดือนเมษายนปีหน้า นอกจากนี้ กองทุนวายุภักษ์ใหม่ ดังกล่าว จะเพิ่มวัตถุประสงค์ของกองทุน ในการที่จะเข้าไปมีบทบาทร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งที่เป็นการลงทุนโดยรัฐและเอกชน
ปัจจุบัน กองทุนฯ มีจานวนผู้ถือหน่วยประมาณ 27,000 ราย โดยมีกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้ถือหน่วยรายใหญ่ (ประมาณ 70%) ทั้งนี้ กองทุนฯ มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีโดยประมาณ 5 - 6% และมีการลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นปตท. และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 75% ของการลงทุนทั้งหมด
คลังเล็งเพิ่มกองทุนวายุภักษ์1เป็น5แสนล้าน
วันที่ 29 ธันวาคม 2555 11:23
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง
"คลัง"สรุปปรับกองทุนวายุภักษ์1 จากกองทุนปิด เป็นกองทุนเปิด ปีละครั้ง พร้อมขยายขนาดกองทุน เป็น 5 แสนล้านบาท
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการแปรสภาพกองทุนวายุภักษ์ 1 ว่า ได้พิจารณาอนุมัติแผนการแปรภสภาพกองทุนเป็นกองทุนเปิดขนาดในเบื้องต้นไม่เกิน 5 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีขนาด 3.7 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีและผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อพิจารณาอนุมัติตามลำดับในกลางปี 56
ทั้งนี้กองทุนวายุภักษ์ 1 ซึ่งมีอายุนับจากก่อตั้งจนถึงวันนี้เป็นเวลา 9 ปี และจะครบกองทุนปิดที่กำหนดไว้ 10 ปีในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ซึ่งกระทรวงการคลัง ต้องการให้กองทุนวายุภักษ์ 1 นี้ ดำเนินการต่อไป แต่จะปรับรูปแบบกองทุนใหม่ โดยรูปแบบกองทุนวายุภักษ์ใหม่นี้ จะเป็นลักษณะกองทุนเปิด แต่จะเปิดให้เข้าและออกจากกองทุนได้ปีละครั้งเท่านั้น และจะไม่มีการการันตีผลตอบแทนของกองทุน เหมือนเช่นเงื่อนไขในในปัจจุบันของกองทุนวายุภักษ์ 1 "
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่การันตีผลตอบแทน แต่เนื่องจากทรัพย์สินของกองทุนวานยุภักษ์ ที่ส่วนหนึ่งเป็นทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง ที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3 % อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ใหม่ ตัวทรัพย์สินนี้ก็จะถูกโอนไปยังกองทุนใหม่ ซึ่งตัวทรัพย์สินที่เป็นหุ้นของกระทรวงการคลังดังกล่าว จะช่วย back up ผลตอบแทนของกองทุนใหม่ ให้สามารถได้ผลตอบแทนขั้นต่ำในระดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมากองทุนวายุภักษ์ 1 ให้ผลตอบแทนสะสมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6 % โดยมีอัตราผลตอบแทนที่การันตีไว้ไม่ต่ำกว่า 3 %
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ทำการชี้แจงให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ทราบถึงเงื่อนไขใหม่ของการแปรสภาพกองทุนวายุภักษ์ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทราบ ภายในเดือนเมษายนปีหน้า นอกจากนี้ กองทุนวายุภักษ์ใหม่ ดังกล่าว จะเพิ่มวัตถุประสงค์ของกองทุน ในการที่จะเข้าไปมีบทบาทร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งที่เป็นการลงทุนโดยรัฐและเอกชน
ปัจจุบัน กองทุนฯ มีจานวนผู้ถือหน่วยประมาณ 27,000 ราย โดยมีกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้ถือหน่วยรายใหญ่ (ประมาณ 70%) ทั้งนี้ กองทุนฯ มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีโดยประมาณ 5 - 6% และมีการลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นปตท. และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 75% ของการลงทุนทั้งหมด