จากต้นซีซั่นที่เชลซีภายใต้การนำของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ โชว์ฟอร์มนำฝูงและส่งสัญญาณว่าเขาพวกเขาพร้อมสำหรับล่าแชมป์ปีนี้

3 เดือนผ่านไปปัญหาเกิดขึ้นเมื่อสะดุดฟอร์มและแผ่วไปยังผลให้ตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก แถมในลีกร่วงถึงอันดับ 6 มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมใหม่เมื่อ ดิ มัตเตโอ โดนบีบให้ลาออก จากนั้นโรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมติดต่อนำ ราฟาเอล เบนิเตซ มาคุมทีมแทนท่ามกลางเสียประท้วงของแฟนบอลเชลซีที่ไม่ปลื้ม ราฟา
วันนี้แม้ว่าเชลซียังไม่อาจทำแต้มกลับไปทาบผู้นำอย่างแมนฯยูฯ ได้ แต่จากการที่พวกเขาแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัดและกลุ่มผู้นำเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำแต้มไล่จากเกมล่าสุด ทั้งตัวเองโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมไล่ถล่มทีมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโบกี้ทีมของพวกเขาคือ แอสตัน วิลล่า

ปกติเล่นกับวิลล่าที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ มักจะเหนื่อยและได้แต้มยาก...ปีนี้ถล่มไป 8-0 เละเทะกระจุยกระจายเลย

จากนั้นถ้าบวกแต้มที่ได้เปรียบอีกสามเท่ากับจำนวนนัดเท่ากันนั่นหมายความว่าพวกเขาจะตามแมนฯยูฯ 8 แต้ม นับว่าเป็นระยะที่ยังพอมีความหวังในการลุ้นแชมป์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเชลซียังมีโอกาสลุ้นแชมป์กับแมนฯยูฯ และแมนฯซิตี้ ได้ด้วยศักยภาพของนักเตะในทีมชุดนี้

โดยเฉพาะการเข้ามาของ ราฟา เบนิเตซ จำนวนสกอร์ที่เกิดขึ้นมีมากขึ้น การได้ผลต่างประตูได้เสีย + 19 เท่ากับแมนฯยูฯ และแมนฯซิตี ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจของพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันเมื่อแมนฯยูไนเต็ด พลาดท่าเสมอสวอนซี นั่นเท่ากับว่าแมนฯยูฯ ทำแต้มหล่นไป 2

เวลานี้เรือใบสีฟ้าไล่มา 4 แต้ม เป็นระยะที่ไม่ปลอดภัยสำหรับชาวผีแดงอย่างแท้จริง
โปรแกรมโหดในช่วงบ๊อกซิ่งเดย์ ตั้งแต่ 26 ธ.ค. ต่อด้วยวันที่ 29-30 ธ.ค. เป็นช่วงเวลาไล่ล่าแต้มของสามทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ และคงไม่มีใครอยากหลุดในช่วงนี้ แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะมันคือช่วงเวลาที่ความเหนื่อยล้าเริ่มมาเยือนทั้งสามทีม
ถ้าจะวัดความมั่นใจสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือว่าเวลานี้ เชลซี มีมากขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา

ดังนั้นทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ใช่มีเพียงแค่ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ อย่ากาชื่อเชลซีทิ้งออกไปจากสารบบการลุ้นแชมป์

พวกเขายังมีโอกาสที่จะร่วมลุ้นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย

credit : www.msn.com  บทความโดย "แจ็คกี้" อดิสรณ์ พึ่งยา