ความจริง จขกท ได้ไปแข่งมาตั้งแต่เดือน พย แล้ว แต่ปีใหม่นี้เผื่อมีคนสนใจเอาจักรยานไปปั่นในที่ไกลๆ เอาไปเที่ยวด้วยเลย ก็เลยขอเขียนรีวิวสั้นๆเกี่ยวกับการนำจักรยานขึ้นเครื่องบิน ซึ่งสะดวกมากและไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดครับ
1 จขกทจำเป็นต้องเอาจักรยานไปแข่งไตรที่ภูเก็ต ซึ่งหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆแล้ว เอาขึ้นเครื่องบินไปนี่แหละสะดวกที่สุด รวดเร็วและค่าใช้จ่ายน้อย เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ เช่น มีบริการรถขนจักรยาน เฉพาะขนจักรยานไปกลับก็เกือบสองพันแล้ว นี่ยังไม่รวมคนเลย หรือจะเอาขนส่งทางไปรษณีย์ก็ต้องมีผู้รับ แล้วผมไม่ค่อยเชื่อใจ ไปรษณีย์ไทยเท่าไหร่ เพราะหนังสือที่ส่งมาจากอเมริกาหายหลายเล้มเลย จะขับรถไปเองก็ค่าน้ำมันแพงแถมใช้ระยะเวลานานกว่าด้วย หรือจะปั่นเสือหมอบไป ถึงวันแข่งคงหมดแรกไปซะด่อน สุดท้ายก็ไปกับเจ้าเครื่องบินนี่แหละ
2 จำเป็นต้องซื้อถุง หีบ กระเป๋า ใส่จักรยานไหม แล้วแต่ครับ บางสายการบินก็จำเป็นให้ใส่ บางสายการบินก็ไม่จำเป็น อย่างผมไปกับนกแอร์ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ผมไปดุราคากระเป๋าจักรยานหลายพันบาท และก็เป็นคนชอบแพคของ แบบminimalist เลยไม่ซื้อครับประหยัดได้เยอะเลย แล้วอ่านเจอมาว่า ถ้าอะไรที่ใส่กล่องเขาจะโยนครับ ส่วนจักรยานเป็นคันๆเขาอาจจะเกรงใจไม่กล้าโยน มั้งครับ ตอนไปถึงสนามบินก็เข็นจักรยานไปกับตัวนะครับ อย่าเอาจักรยานไปปั่นเล่นในสนามบินเหมือนผม ยามจะมองตาขวาง เอาที่ล๊อกไปด้วย เมื่อยก็หาที่นั่ง ล๊อคจักรยานไว้ ที่สนามบินมีเสามีที่ให้คล้องล๊อคมากมายไม่ต้องกังวลเลยครับ
3 สมมติเราไปถึงสนามบินแล้วเราก็เชคอินตามปกติ เสร็จแล้วเราก็บอกเขาว่าจะเอาจักรยานขึ้นไปด้วย เขาก็จะให้เราปล่อยลมยางออกเพราะที่ใต้เครื่องไม่ได้ปรับความดัน แล้วก็แปะว่าเป็นของที่จะโหลดใต้เครื่อง เสร็จแล้วก็ชั่งน้ำหนัก ซึ่งจักรยานส่วนใหญ่ก็เบา นน คงไม่เกินอยู่แล้ว ยิ่งพวกเฟรมเทพ ทั้งคันหนักรวมเจ็ดกิโลนี่สบายมาก ของผมเจ้าtrek 1.2 เฟรมอลู ไซ 58 ก็หนักเจ็ดโลครับ เพราะตอนชั่งแอบเอาล้อนึงมาโดนพื้น 555
4 ล้อก็ไม่ต้องถอด นะครับ แต่เขาให้เอาพวกกระติกน้ำออกแล้วหิ้วไปด้วย สุดท้ายเราก็ขึ้นเครื่อง พอตอนขาลง ตอนรอรับของ จักรยานก็จะลำเลียงมาตามสายพาน ส่วนใหญ่มักจะได้ก่อนใครเสมอๆ เรื่องที่กลัวว่าจะเกิดรอยที่เฟรม หรือตีนผี ไม่มีแต่ประการใดครับ ที่ใช้บริการมา สะดวกมากเลย
5 แค่นี้แหละครับสำหรับการนำจักรยานขึ้นเครื่อง ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลย กระเป๋าใส่ก็ไม่ต้องซื้อประหยัดเงินไปได้มาก แค่ปล่อยลมตอนจะนำขึ้นเท่านั้น เรื่องริ้วรอยไม่มีครับเท่าที่เจอ หรือถ้ากลัวจริงๆเอาผ้าหรืออะไรพันไว้ที่เฟรมหรือตีนผีก็ได้ครับ
ใครอยากเอาเสือหมอบไปปั่นเที่ยวเวลาขึ้นเครื่องไปเที่ยวก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแค่นี้แหละครับ มาเล่าแลกเปลี่ยนความรู้ให้ฟัง ผิดถูกยังไงช่วยเสริมด้วยนะครับ
อืมเท่าที่รู้มามีการบินไทย กับนกแอร์ที่เอาจักรยานขึ้นได้ชัวๆแต่ของการบินไทยอาจจะต้องเสียเงินเพิ่ม ส่วนของนกแอร์ในกฎต้องเสียเพิ่ม 300 บาทเพราะเป็นสัมภาระพิเศษ แต่ไปจริงๆฟรีครับผม เสียแค่ค่าตั๋วเดินทางอย่างเดียว
อ้อค่าแท๊กซี่ที่ภุเก็ตแพงมากเลย จากสนามบินไปลากุน่าสนามแข่งประมาณ 500 บาท ผมปั่นจักรยานทั้งไปและกลับ ช่วยได้เยอะเลย ได้ชมวิวด้วยครับ
แนะนำแลกเปลี่ยนความรู้ การเอาจักรยานเสือหมอบขึ้นเครื่องบิน
1 จขกทจำเป็นต้องเอาจักรยานไปแข่งไตรที่ภูเก็ต ซึ่งหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆแล้ว เอาขึ้นเครื่องบินไปนี่แหละสะดวกที่สุด รวดเร็วและค่าใช้จ่ายน้อย เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ เช่น มีบริการรถขนจักรยาน เฉพาะขนจักรยานไปกลับก็เกือบสองพันแล้ว นี่ยังไม่รวมคนเลย หรือจะเอาขนส่งทางไปรษณีย์ก็ต้องมีผู้รับ แล้วผมไม่ค่อยเชื่อใจ ไปรษณีย์ไทยเท่าไหร่ เพราะหนังสือที่ส่งมาจากอเมริกาหายหลายเล้มเลย จะขับรถไปเองก็ค่าน้ำมันแพงแถมใช้ระยะเวลานานกว่าด้วย หรือจะปั่นเสือหมอบไป ถึงวันแข่งคงหมดแรกไปซะด่อน สุดท้ายก็ไปกับเจ้าเครื่องบินนี่แหละ
2 จำเป็นต้องซื้อถุง หีบ กระเป๋า ใส่จักรยานไหม แล้วแต่ครับ บางสายการบินก็จำเป็นให้ใส่ บางสายการบินก็ไม่จำเป็น อย่างผมไปกับนกแอร์ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ผมไปดุราคากระเป๋าจักรยานหลายพันบาท และก็เป็นคนชอบแพคของ แบบminimalist เลยไม่ซื้อครับประหยัดได้เยอะเลย แล้วอ่านเจอมาว่า ถ้าอะไรที่ใส่กล่องเขาจะโยนครับ ส่วนจักรยานเป็นคันๆเขาอาจจะเกรงใจไม่กล้าโยน มั้งครับ ตอนไปถึงสนามบินก็เข็นจักรยานไปกับตัวนะครับ อย่าเอาจักรยานไปปั่นเล่นในสนามบินเหมือนผม ยามจะมองตาขวาง เอาที่ล๊อกไปด้วย เมื่อยก็หาที่นั่ง ล๊อคจักรยานไว้ ที่สนามบินมีเสามีที่ให้คล้องล๊อคมากมายไม่ต้องกังวลเลยครับ
3 สมมติเราไปถึงสนามบินแล้วเราก็เชคอินตามปกติ เสร็จแล้วเราก็บอกเขาว่าจะเอาจักรยานขึ้นไปด้วย เขาก็จะให้เราปล่อยลมยางออกเพราะที่ใต้เครื่องไม่ได้ปรับความดัน แล้วก็แปะว่าเป็นของที่จะโหลดใต้เครื่อง เสร็จแล้วก็ชั่งน้ำหนัก ซึ่งจักรยานส่วนใหญ่ก็เบา นน คงไม่เกินอยู่แล้ว ยิ่งพวกเฟรมเทพ ทั้งคันหนักรวมเจ็ดกิโลนี่สบายมาก ของผมเจ้าtrek 1.2 เฟรมอลู ไซ 58 ก็หนักเจ็ดโลครับ เพราะตอนชั่งแอบเอาล้อนึงมาโดนพื้น 555
4 ล้อก็ไม่ต้องถอด นะครับ แต่เขาให้เอาพวกกระติกน้ำออกแล้วหิ้วไปด้วย สุดท้ายเราก็ขึ้นเครื่อง พอตอนขาลง ตอนรอรับของ จักรยานก็จะลำเลียงมาตามสายพาน ส่วนใหญ่มักจะได้ก่อนใครเสมอๆ เรื่องที่กลัวว่าจะเกิดรอยที่เฟรม หรือตีนผี ไม่มีแต่ประการใดครับ ที่ใช้บริการมา สะดวกมากเลย
5 แค่นี้แหละครับสำหรับการนำจักรยานขึ้นเครื่อง ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลย กระเป๋าใส่ก็ไม่ต้องซื้อประหยัดเงินไปได้มาก แค่ปล่อยลมตอนจะนำขึ้นเท่านั้น เรื่องริ้วรอยไม่มีครับเท่าที่เจอ หรือถ้ากลัวจริงๆเอาผ้าหรืออะไรพันไว้ที่เฟรมหรือตีนผีก็ได้ครับ
ใครอยากเอาเสือหมอบไปปั่นเที่ยวเวลาขึ้นเครื่องไปเที่ยวก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแค่นี้แหละครับ มาเล่าแลกเปลี่ยนความรู้ให้ฟัง ผิดถูกยังไงช่วยเสริมด้วยนะครับ
อืมเท่าที่รู้มามีการบินไทย กับนกแอร์ที่เอาจักรยานขึ้นได้ชัวๆแต่ของการบินไทยอาจจะต้องเสียเงินเพิ่ม ส่วนของนกแอร์ในกฎต้องเสียเพิ่ม 300 บาทเพราะเป็นสัมภาระพิเศษ แต่ไปจริงๆฟรีครับผม เสียแค่ค่าตั๋วเดินทางอย่างเดียว
อ้อค่าแท๊กซี่ที่ภุเก็ตแพงมากเลย จากสนามบินไปลากุน่าสนามแข่งประมาณ 500 บาท ผมปั่นจักรยานทั้งไปและกลับ ช่วยได้เยอะเลย ได้ชมวิวด้วยครับ