อนิเมชั่นที่รอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดก็ได้ดูเสียทีครับ แต่ก่อนจะพูดถึงตัวหนัง ขอพูดถึงหนังสั้นเปิดเรื่องก่อนที่ชื่อว่า Paperman เป็นหนังสั้นขาวดำ ที่เป็นหนังใบ้ ออกแนวย้อนยุคนิดๆ ภาพสวยมากครับ เป็นลายเส้นการ์ตูนสไตล์ดิสนีย์แต่ใส่ความเป็น สามมิติเข้าไป การเคลื่อนไหวก็สมูทกว่าเดิมอีก ที่สำคัญ เพลงเพราะมาก ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นไงต้องไปดูครับ โรแมนติคดี ^^
มาพูดถึงตัวหนังบ้างละกัน อนิเมชั่นเรื่องนี้ทำผมน้ำตาคลอได้ถึง 3 แบบเลยละ
แบบแรกคือ ซึ้งใจที่ได้เห็นตัวละครเกมสมัยเด็กๆ มาเป็นภาพอนิเมชั่น ได้เห็นการเคลื่อนไหวก็มีความสุขแล้วจริงๆ แต่ทีมสร้างยังเอามาเป็นตัวเด่น ยิงมุขอีก มันซาบซึ้งใจชะมัด ช่วงเปิดตัวหนังประมาณ 20 นาทีแรก ความรู้สึกมันตื้นตันใจยังไงบอกไม่ถูกจริงๆนะ ได้ฟังเพลงเกมยุค 8บิท ได้แบบเสียงกระหึ่ม มันช่างเพราะเหลือเกินคร้าบพี่น้อง เรื่องนี้มีเพลงประกอบที่เพราะมากๆนะ ใส่เพลงมาถูกที่ถูกเวลาตลอด ***ขอเตือนว่า เกมเมอร์ ควรดู ฉากหลังดีๆนะครับ แล้วเชื่อผมเหอะว่า คุณจะยิ้มไม่หุบ ฮ่าๆ*** อ๋อ ถึงแม้ตัวละครเกมสุดดังบางตัวจะไม่ได้มา แต่ก็ยังอุตส่าห์โผล่มาแต่เสียงด้วยนะ อิอิ
แบบสองคือ ซึ้งใจกับเนื้อเรื่อง ถึงแม้ไอเดียหนังจะมีแค่ "ตัวร้ายของเกมอยากเป็นพระเอกกับเค้าบ้าง" พอมาอยู่ในมือของดิสนีย์แล้ว ก็เข้าทางละครับ ทำเนื้อเรื่องได้กลมกล่อมเหลือเกิน ช่วงฮาก็ฮาซะ ช่วงลุ้นมันส์ก็ได้ลุ้น มุมกล้องนี้เล่นเอาลุ้นลืมหายใจ ช่วงซึ้งก็ซึ้งมาก มันซึ้งกินใจอ่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไม ดิสนีย์ ถึงได้เขียนบทแบบนี้เก่งจังฟ่ะ เนื้อเรื่องดีครับ ยอมรับเลย เชื่อมโยงกันได้มีเหตุมีผล มันผสมผสานความเป็น toy story เข้ามาด้วยน่ะนะ
แบบสามคือ ประทับใจกับบทสรุปของเรื่อง ตอนเริ่มเรื่องก็ยังเดาไม่ออกนะว่า หนังจะเคลียร์หรือจะจบยังไงให้ลงตัวนะ แต่พอดูไปเรื่อยๆ จนมาถึงบทสรุปตอนจบ ต้องใช้คำว่า "ประทับใจ" เลยละ มันช่างลงตัวจริงๆ อิ่มมากๆกับหนังเรื่องนี้
ผมคงไม่ขอพูดมากไปกว่านี้แล้วเพราะกลัวสปอย แต่ผมบอกได้เลยว่า เกมเมอร์ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และเป็นไปได้ก็ดูแบบ 3มิติ ด้วยล่ะครับ เชื่อเหอะน่าว่า แค่เข้าไปดูฉากหลังก็คุ้มแล้ว 55555+
ส่วนใครที่ไม่ใช่เกมเมอร์ แต่อยากดูหนังการ์ตูนอนิเมชั่น สนุกๆ ไม่ยืดเยื้อ เพลินและฮา พร้อมทั้งได้ลุ้นกับจบแบบประทับใจ ลองไปดูสิครับ เพราะหนังแทรกคำสอนดีๆไว้ด้วยนะ แต่ขึ้นชื่อ "ดิสนีย์" ยังไงก็ไม่ผิดหวังถึงขั้น เสียดายเงิน หรอกครับ
Wreck-It Ralph อนิเมชั่นที่ เกมเมอร์ไม่ควรพลาด
มาพูดถึงตัวหนังบ้างละกัน อนิเมชั่นเรื่องนี้ทำผมน้ำตาคลอได้ถึง 3 แบบเลยละ
แบบแรกคือ ซึ้งใจที่ได้เห็นตัวละครเกมสมัยเด็กๆ มาเป็นภาพอนิเมชั่น ได้เห็นการเคลื่อนไหวก็มีความสุขแล้วจริงๆ แต่ทีมสร้างยังเอามาเป็นตัวเด่น ยิงมุขอีก มันซาบซึ้งใจชะมัด ช่วงเปิดตัวหนังประมาณ 20 นาทีแรก ความรู้สึกมันตื้นตันใจยังไงบอกไม่ถูกจริงๆนะ ได้ฟังเพลงเกมยุค 8บิท ได้แบบเสียงกระหึ่ม มันช่างเพราะเหลือเกินคร้าบพี่น้อง เรื่องนี้มีเพลงประกอบที่เพราะมากๆนะ ใส่เพลงมาถูกที่ถูกเวลาตลอด ***ขอเตือนว่า เกมเมอร์ ควรดู ฉากหลังดีๆนะครับ แล้วเชื่อผมเหอะว่า คุณจะยิ้มไม่หุบ ฮ่าๆ*** อ๋อ ถึงแม้ตัวละครเกมสุดดังบางตัวจะไม่ได้มา แต่ก็ยังอุตส่าห์โผล่มาแต่เสียงด้วยนะ อิอิ
แบบสองคือ ซึ้งใจกับเนื้อเรื่อง ถึงแม้ไอเดียหนังจะมีแค่ "ตัวร้ายของเกมอยากเป็นพระเอกกับเค้าบ้าง" พอมาอยู่ในมือของดิสนีย์แล้ว ก็เข้าทางละครับ ทำเนื้อเรื่องได้กลมกล่อมเหลือเกิน ช่วงฮาก็ฮาซะ ช่วงลุ้นมันส์ก็ได้ลุ้น มุมกล้องนี้เล่นเอาลุ้นลืมหายใจ ช่วงซึ้งก็ซึ้งมาก มันซึ้งกินใจอ่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไม ดิสนีย์ ถึงได้เขียนบทแบบนี้เก่งจังฟ่ะ เนื้อเรื่องดีครับ ยอมรับเลย เชื่อมโยงกันได้มีเหตุมีผล มันผสมผสานความเป็น toy story เข้ามาด้วยน่ะนะ
แบบสามคือ ประทับใจกับบทสรุปของเรื่อง ตอนเริ่มเรื่องก็ยังเดาไม่ออกนะว่า หนังจะเคลียร์หรือจะจบยังไงให้ลงตัวนะ แต่พอดูไปเรื่อยๆ จนมาถึงบทสรุปตอนจบ ต้องใช้คำว่า "ประทับใจ" เลยละ มันช่างลงตัวจริงๆ อิ่มมากๆกับหนังเรื่องนี้
ผมคงไม่ขอพูดมากไปกว่านี้แล้วเพราะกลัวสปอย แต่ผมบอกได้เลยว่า เกมเมอร์ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และเป็นไปได้ก็ดูแบบ 3มิติ ด้วยล่ะครับ เชื่อเหอะน่าว่า แค่เข้าไปดูฉากหลังก็คุ้มแล้ว 55555+
ส่วนใครที่ไม่ใช่เกมเมอร์ แต่อยากดูหนังการ์ตูนอนิเมชั่น สนุกๆ ไม่ยืดเยื้อ เพลินและฮา พร้อมทั้งได้ลุ้นกับจบแบบประทับใจ ลองไปดูสิครับ เพราะหนังแทรกคำสอนดีๆไว้ด้วยนะ แต่ขึ้นชื่อ "ดิสนีย์" ยังไงก็ไม่ผิดหวังถึงขั้น เสียดายเงิน หรอกครับ