ก่อนจะโพสต์เรื่องราวที่ฉันเกิดขึ้น ดิฉันขอแสดงความรับผิดชอบว่าต้นเหตุที่ทำให้เสียทรัพย์คือตัวดิฉันเอง ไม่ได้ปรักปรำหรือกล่าวหาใคร และไม่ได้ติดใจจะได้ของคืน เพียงมาเล่าประสบการณ์ร้ายๆ เพื่อเตือนใจสาวๆ นักช็อปทั้งหลายว่าอย่าประมาทและมักง่ายจนเสียทรัพย์อย่างดิฉันค่ะ
ดิฉันอยู่ต่างจังหวัดแต่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ชอบมาช็อปปิ้งที่ กทม และที่ๆ สะดวกและชอบมามากคือศูนย์สินค้าส่งออก ถนนรัชดา ตรงข้ามศาลอาญา วันอาทิตย์ที่ 23 ธ.ค. ก่อนมาได้โทรหาเสื้อผ้าร้านหนึ่งเพื่อนัดรับของ ดิฉันนั่งรถมา 5 ชั่วโมง เพื่อจะมาที่นี่ เมื่อมาถึงก็นั่งแท็กซี่ไปที่รัชดาเลย หลังจากพบคนขายแล้วก่อนรับของดิฉันก็ได้โทรถามเพื่อนว่าอยากได้ไหม เพื่อนฝากซื้อก็เลยจ่ายเงินและฝากของที่ซื้อไว้ที่ร้านนั้นพร้อมกระเป๋าใบเล็กที่ใส่แทปเล็ท Samsung Galaxy Tab 2 เคสหนังสีชมพูไว้ด้วยและบอกลูกน้องร้านนี้ว่าฝากไว้หน่อยกลัวไปลืมทิ้ง ในนี้มีแทปเล็ทนะคะ เด็กก็รับไว้และเก็บไว้ให้โดยซุกไว้ในกองผ้าด้านในมากๆ
ดิฉันไปเดินช็อปทั้งอาคาร 1 และ 2 ประมาณ 1 ชม.ก็กลับมารับของคืน และไม่ได้เปิดดูว่าแทปเล็ทยังอยู่หรือไม่ จะกลับอยู่แล้ว แต่นึกได้ว่าจะซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งเลยเดินมาที่ร้านเครื่องสำอาง ซื้อของและโทรถามเพื่อนอีก เพื่อนก็ฝากซื้อตามเคย ตกลงเที่ยวนี้มีของเพิ่มขึ้นอีก ดิฉันเตรียมจะกลับไปขึ้นรถที่หมอชิตเกิดอยากเข้าห้องน้ำ แต่ของรุงรังมากกลัวจะไปลืมในห้องน้ำจึงขอฝากของไว้ที่ร้านเครื่องสำอางอีกทั้งหมด พอกลับออกมาก็รับของพร้อมขอบคุณเขาที่รับฝากและไม่เปิดดูกระเป๋าที่มีแทปเล็ทอีก จากนั้นก็นั่งรถมาลงหมอชิต ขณะนั้นเหลือเวลาอีกครึ่ง ชม.รถจะออกก็เลยจะหยิบแทปเล็ทมานั่งเล่น
คุณๆ คงเข้าใจความรู้สึกของดิฉันตอนนั้นดีเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วไม่เจอแทปเล็ทของที่เพิ่งซื้อมาไม่ถึง 4 เดือน ยอมรับว่าตกใจมากๆ เหงื่อไหลเป็นน้ำ รีบโทรไปหาที้ง 2 ร้าน แต่ไม่มีใครยอมรับเลย (โง่จริงเรายังจะไปถามเขาอีก) ซ้ำยังว่าเราไปลืมที่ไหนหรือเปล่า โดนกรีดกระเป๋าไหม ดิฉันก็ยืนยันว่าเราฝากไว้ 2 ที่นี่แหละ นั่งชั่งใจดูเราผิดเอง จะกลับไปร้านเขาก็ใกล้เวลาปิดแล้วและคงจะได้คืนยาก เลยนั่งรถกลับบ้านใช้เวลาเดินทางอีก 5 ชั่วโมง
วันรุ่งขึ้นโทรไปติดต่อคนที่ดูแลให้เช่าพื้นที่ เขาก็ดีค่ะ ประสานพนักงานควบคุมกล้องวงจรปิดและนัดให้ดฉันไปตรวจสอบ แต่เนื่องจากดิฉันอยู่ต่างจังหวัดวันนั้นไปไม่ทันจึงเดินทางไป กทม อีกในวันอังคาร พอไปถึงพนักงานก็พาไปดูกล้องวงจรปิดตามวันและเวลาที่ดิฉันมาซื้อของที่นั่น แต่ ..... กล้องวงจรปิดที่นี่เป็นแบบ cctv แพนไปรอบๆ ตลอดเวลา ดูได้แต่ไม่ปะติดปะต่อ บางมุมอย่างร้านเครื่องสำอางไม่สามารถมองเห็นได้เลย ดิฉันก็เลยคิดว่าควรตัดใจเพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว จึงขอบคุณทางพนักงานของกรมฯ แล้วกลับมาทำใจที่บ้านดีกว่า
เหตุการณ์ครั้งนี้ดิฉันโทษตัวเองที่มักง่ายและไว้ใจคนที่เราไม่รู้จัก ถึงแม้จะซื้อของๆ เขาบ่อยครั้งแต่ก็ไม่ควรจะเอาของมีค่าไปให้เขาดูแล และตัวเองก็ประมาทที่ไม่ตรวจสอบของก่อนรับคืนมา บทเรียนครั้งนี้เสียของมูลค่าหมื่นกว่าบาทก็จริงแต่สิ่งที่เสียมากกว่านั้นคือความรู้สึก ต่อไปต้องเตือนตัวเองว่าอย่าไว้ใจใครและอย่าประมาทแบบนี้อีก ของๆ เรา เราควรรับผิดชอบเอง จะไปปรักปรำเขาเสียทีเดียวก็ไม่ถูกเราเองเป็นต้นเหตุให้เสียทรัพย์ครั้งนี้
หวังว่าเรื่องนี้คงเตือนใจสาวนักช็อปทั้งหลายได้บ้างนะคะ อย่าทำอย่างดิฉันเพราะเมื่อเสียทรัพย์ไปแล้วมันเจ็บใจตัวเอง และได้โปรดอย่าตำหนิดิฉันอีกเลย เพราะแค่นี้ก็เสียใจมากพอแล้ว เพียงอยากมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้คุณๆ ค่ะ
อุทาหรณ์สาวนักช็อป
ดิฉันอยู่ต่างจังหวัดแต่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ชอบมาช็อปปิ้งที่ กทม และที่ๆ สะดวกและชอบมามากคือศูนย์สินค้าส่งออก ถนนรัชดา ตรงข้ามศาลอาญา วันอาทิตย์ที่ 23 ธ.ค. ก่อนมาได้โทรหาเสื้อผ้าร้านหนึ่งเพื่อนัดรับของ ดิฉันนั่งรถมา 5 ชั่วโมง เพื่อจะมาที่นี่ เมื่อมาถึงก็นั่งแท็กซี่ไปที่รัชดาเลย หลังจากพบคนขายแล้วก่อนรับของดิฉันก็ได้โทรถามเพื่อนว่าอยากได้ไหม เพื่อนฝากซื้อก็เลยจ่ายเงินและฝากของที่ซื้อไว้ที่ร้านนั้นพร้อมกระเป๋าใบเล็กที่ใส่แทปเล็ท Samsung Galaxy Tab 2 เคสหนังสีชมพูไว้ด้วยและบอกลูกน้องร้านนี้ว่าฝากไว้หน่อยกลัวไปลืมทิ้ง ในนี้มีแทปเล็ทนะคะ เด็กก็รับไว้และเก็บไว้ให้โดยซุกไว้ในกองผ้าด้านในมากๆ
ดิฉันไปเดินช็อปทั้งอาคาร 1 และ 2 ประมาณ 1 ชม.ก็กลับมารับของคืน และไม่ได้เปิดดูว่าแทปเล็ทยังอยู่หรือไม่ จะกลับอยู่แล้ว แต่นึกได้ว่าจะซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งเลยเดินมาที่ร้านเครื่องสำอาง ซื้อของและโทรถามเพื่อนอีก เพื่อนก็ฝากซื้อตามเคย ตกลงเที่ยวนี้มีของเพิ่มขึ้นอีก ดิฉันเตรียมจะกลับไปขึ้นรถที่หมอชิตเกิดอยากเข้าห้องน้ำ แต่ของรุงรังมากกลัวจะไปลืมในห้องน้ำจึงขอฝากของไว้ที่ร้านเครื่องสำอางอีกทั้งหมด พอกลับออกมาก็รับของพร้อมขอบคุณเขาที่รับฝากและไม่เปิดดูกระเป๋าที่มีแทปเล็ทอีก จากนั้นก็นั่งรถมาลงหมอชิต ขณะนั้นเหลือเวลาอีกครึ่ง ชม.รถจะออกก็เลยจะหยิบแทปเล็ทมานั่งเล่น
คุณๆ คงเข้าใจความรู้สึกของดิฉันตอนนั้นดีเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วไม่เจอแทปเล็ทของที่เพิ่งซื้อมาไม่ถึง 4 เดือน ยอมรับว่าตกใจมากๆ เหงื่อไหลเป็นน้ำ รีบโทรไปหาที้ง 2 ร้าน แต่ไม่มีใครยอมรับเลย (โง่จริงเรายังจะไปถามเขาอีก) ซ้ำยังว่าเราไปลืมที่ไหนหรือเปล่า โดนกรีดกระเป๋าไหม ดิฉันก็ยืนยันว่าเราฝากไว้ 2 ที่นี่แหละ นั่งชั่งใจดูเราผิดเอง จะกลับไปร้านเขาก็ใกล้เวลาปิดแล้วและคงจะได้คืนยาก เลยนั่งรถกลับบ้านใช้เวลาเดินทางอีก 5 ชั่วโมง
วันรุ่งขึ้นโทรไปติดต่อคนที่ดูแลให้เช่าพื้นที่ เขาก็ดีค่ะ ประสานพนักงานควบคุมกล้องวงจรปิดและนัดให้ดฉันไปตรวจสอบ แต่เนื่องจากดิฉันอยู่ต่างจังหวัดวันนั้นไปไม่ทันจึงเดินทางไป กทม อีกในวันอังคาร พอไปถึงพนักงานก็พาไปดูกล้องวงจรปิดตามวันและเวลาที่ดิฉันมาซื้อของที่นั่น แต่ ..... กล้องวงจรปิดที่นี่เป็นแบบ cctv แพนไปรอบๆ ตลอดเวลา ดูได้แต่ไม่ปะติดปะต่อ บางมุมอย่างร้านเครื่องสำอางไม่สามารถมองเห็นได้เลย ดิฉันก็เลยคิดว่าควรตัดใจเพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว จึงขอบคุณทางพนักงานของกรมฯ แล้วกลับมาทำใจที่บ้านดีกว่า
เหตุการณ์ครั้งนี้ดิฉันโทษตัวเองที่มักง่ายและไว้ใจคนที่เราไม่รู้จัก ถึงแม้จะซื้อของๆ เขาบ่อยครั้งแต่ก็ไม่ควรจะเอาของมีค่าไปให้เขาดูแล และตัวเองก็ประมาทที่ไม่ตรวจสอบของก่อนรับคืนมา บทเรียนครั้งนี้เสียของมูลค่าหมื่นกว่าบาทก็จริงแต่สิ่งที่เสียมากกว่านั้นคือความรู้สึก ต่อไปต้องเตือนตัวเองว่าอย่าไว้ใจใครและอย่าประมาทแบบนี้อีก ของๆ เรา เราควรรับผิดชอบเอง จะไปปรักปรำเขาเสียทีเดียวก็ไม่ถูกเราเองเป็นต้นเหตุให้เสียทรัพย์ครั้งนี้
หวังว่าเรื่องนี้คงเตือนใจสาวนักช็อปทั้งหลายได้บ้างนะคะ อย่าทำอย่างดิฉันเพราะเมื่อเสียทรัพย์ไปแล้วมันเจ็บใจตัวเอง และได้โปรดอย่าตำหนิดิฉันอีกเลย เพราะแค่นี้ก็เสียใจมากพอแล้ว เพียงอยากมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้คุณๆ ค่ะ