วิเคราะห์หุ้น OFM (มั่วๆ) ก่อนเข้า trade ใน SET พรุ่งนี้

กระทู้สนทนา
พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่หุ้นของบริษัท Office Mate จะเข้า trade ใน SET (เดิม trade กันอยู่ใน ตลาด MAI) ใช้ตัวย่อ OFM

โดย OFM ได้มีการตกลงกับกลุ่มตระกูล Central ดังนี้
1. OFM จะควบรวมกิจการทั้งหมดของ บริษัท Office Depot และบริษัท B2S
2. ภายหลังการควบรวม OFM จะต้องขายหุ้นเพิ่มทุน (Private Placement) ให้กับกลุ่มตระกูล Central ในราคา 37.50 บาท เป็นสัดส่วน 1 ต่อ 3 (กลุ่มตระกูล Central จะถือหุ้น OFM 75%) ซึ่งต่ำกว่ากระดาน
แต่ราคาตรงนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับรายย่อยอย่างเราๆ แต่ประเด็นที่เราต้องจับตามองคือ Dilution Effect จากการเพิ่มทุนดังกล่าว

ปล. ตระกูล อุ่นใจจะคงการถือหุ้น อีกประมาณ 16% ไว้และ 9% อยุ่ในมือรายย่อย (Free Float ต่ำมาก)

ซึ่งในบริษัทก็มีการเปิดเผยข้อมูลสรุปคร่าวๆ หลังการ Dilute ไว้ในเวปของตลาดหลักทรัพย์ โดยผมได้ cap รูปมาโพสไว้นั่นเอง

พิจารณาจากข้อมูลในภาพ จะเห็นว่า EPS ถ้าคำนวณเป็นรายปีง่ายๆ ก็จะได้ประมาณ 1.1 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นในกระดาน 60 บาท คิดเป็น P/E Ratio ประมาณ 54 เท่า

P/E 54 เท่า แพงมั้ย?

1. คิดแบบ Relative P/E เปรียบเทียบกับค่า P/E ของบริษัทอื่นในหมวดค้าปลีกอย่าง ROBINS ที่มี P/E 43 เท่าก็ต้องบอกว่า ราคาหุ้น OFM แพงกว่าในมุมนี้
โดยส่วนตัวผมไม่ชอบวิธีนี้เพราะมันเป็นการเอา EPS ในอดีตมาคำนวณ

2. คิดเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตในอนาคต
วิธีนี้เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดในความคิดของผม แต่ก็ยากที่สุด และไม่มีความแน่นอน (ซะงั้น)
เพราะเราต้องทำการคาดเดา EPS ในอนาคตของบริษัทล่วงหน้าให้ได้ซัก 3-5 ปี โดยใช้ข้อมูลเท่าที่มีในการพยากรณ์
นักวิเคราะห์บางคนก็ใช้อัตราการเติบโตในอดีตมาเฉลี่ยง่ายๆ ซึ่งถ้าใช้วิธีนั้น เรามีข้อมูลเท่านี้ พบว่า ปี 54 บริษัทไม่เติบโตเลย (กำไรลดลงด้วยนิดหน่อย)
ปี 55 บริษัทเติบโตประมาณ 100% นิดๆ เฉลี่ยคร่าวๆก็ 50% ต่อปี คิดเป็น PEG ประมาณ 1.1 เท่า (ถือว่ายอมรับได้ในมุมนี้)

ประเด็นก็คือ การเอาการเติบโตในอดีตมาใช้คาดเดาอนาคต มันก็ไม่ได้แม่นยำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีข้อมูลย้อนหลังแค่ 3ปี ยิ่ง ไม่ได้เรื่องเข้าไปใหญ่

แล้วจะทำไง ถึงจะได้ตัวเลขที่แม่นยำแน่นอน? คำตอบก็คือ ไม่มีทาง

นี่คือสิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจ หุ้นจะเกิดการซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ก็เพราะ นักลงทุนสองคนมีความคิดไม่เหมือนกัน คาดเดาไม่เหมือนกัน
บางคนจึงอาจจะบอกว่า การเล่นหุ้นขึ้นอยู่กับดวง แต่ผมคิดว่าถ้าเราพึ่งดวงอย่างเดียว ไปเข้าบ่อนอาจจะมันส์กว่า

สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถึงแม้เราอาจจะไม่สามารถรู้ตัวเลขการเติบโตแน่นอนเป๊ะๆได้ แต่อย่างน้อยเราก็อาจจะ คาดเดาคร่าวๆ โดยการใช้เหตุผลได้

กลับมาเรื่อง OFM
การควบรวมกิจการในครั้งนี้ ถ้าจะตัดสินโดยการแค่เอา งบของ 3 บริษัทมาบวกๆกันแค่นี้ ผมว่าอย่าควบเลยดีกว่า ฮ่าๆ

เสน่ห์ของการควบรวมใดๆก็ตามก็คือเรื่องของ Synergy หมายถึงการที่กิจการที่เกี่ยวข้องกันหรือ support กันมารวมกันทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้นนั่นเอง
เรามาดูกันคร่าวๆว่าแต่ละบริษัททำธุรกิจอะไรกัน และก็คาดเดาว่าบริษัทจะได้ประโยชน์อะไรจากการ Synergy

1. Office Mate - ขายสินค้า Stationary และ Office supply ผ่านระบบ online และ call center
2. Office Depot ขายสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ผ่านทางหน้าร้าน ซึ่งกระจายอยุ่ตาม Robinson Central BigC
3. B2S - ขาย Stationary Office supply รวมถึง หนังสือ และสื่อบันเทิง

ประโยชน์ที่ผมมองเห็น
1. มีช่องทางจำหน่ายทั้งหน้าร้าน และ online
2. ใช้ช่องทางทั้งสองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสินค้าหลากหลาย อาจจะได้เห็นการขายหนังสือ และสื่อบันเทิง ผ่านระบบ online
3. การแข่งขันด้านราคาน้อยลง จากเดิมแข่งกันเอง
4. มีอำนาจต่อรองกับ Supplier มากขึ้น
5. ได้ใช้ประโยชน์จากระบบ Logistic ที่ยอดเยี่ยมของ Office Mate เต็มที่
5. Economy of Scale
6. Team IT ของ OFM แข็งมาก จากที่เคยได้พูดคุยกับผู้บริหาร บริษัทลงทุนค่าใช้จ่ายกับส่วนนี้เยอะมาก
7. ด้วยทุนจากตระกูล Central มีโอกาสที่ OFM จะเป็นผู้ผูกขาด สินค้าเดิมที่มีอยู่ และก้าวไปทำ E Commerce แบบจริงจัง เป็น First Mover ในไทยได้
โดยประเภทสินค้าที่ขายอาจจะไม่จำกัดแค่นี้อีกต่อไป

ผู้อ่านท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติม เชิญ share ไอเดียกันได้นะครับ จะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ได้ ช่วยกันคิดดีกว่าหัวเดียวครับ :)

ติดตามมุมมองในการลงทุนของผมเพิ่มเติมได้ใน Facebook ครับ
http://www.facebook.com/JoOfGlueInvestmentTalk
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่