Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่สิบสาม ; คืนเดือนมืด

กระทู้สนทนา
เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://topicstock.ppantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2

http://topicstock.ppantip.com/writer/topicstock/2012/08/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

เลือดหยดที่สาม ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12670872/W12670872.html

เลือดหยดที่สี่ ขย้ำ

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12683725/W12683725.html

เลือดหยดที่ห้า คำขอร้องของตั๊กแตน

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12733988/W12733988.html

เลือดหยดที่หก แดนบูชายักษ์

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12766041/W12766041.html

เลือดหยดที่เจ็ด รักรสเลือด

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12797419/W12797419.html

เลือดหยดที่แปด เชือด/ชม/ชิม

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12835086/W12835086.html

เลือดหยดที่เก้า บ้านริมป่าช้า

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12869611/W12869611.html

เลือดหยดที่สิบ นางฟ้าในเมืองมาร

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12896120/W12896120.html

เลือดหยดที่สิบเอ็ด ภาพถ่ายซาตาน

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12990319/W12990319.html

เลือดหยดที่สิบสอง คำสาบานที่ลบเลือน Episode 1

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13020430/W13020430.html

เลือดหยดที่สิบสอง คำสาบานที่ลบเลือน Episode 2

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13035199/W13035199.html

เลือดหยดที่สิบสอง คำสาบานที่ลบเลือน Episode 3

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13055204/W13055204.html

เลือดหยดที่สิบสอง คำสาบานที่ลบเลือน Episode 4 (Final)

http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13066449/W13066449.html

----------------------------------------------------------------------  



Love Like Blood รักรสเลือด

เรื่องที่ 13

คืนเดือนมืด

พวกคุณแน่ใจว่าทำงานไม่ผิดพลาดนะ?

ระดับพวกเรา สะกดคำว่าความผิดพลาดไม่เป็นหรอกครับคุณลูกค้า

ดีค่ะ แล้วฉันจะรอดู

++++++++

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาในความมืดของป่าช้า

เขารู้ว่ามันเป็นป่าช้าเพราะรอบกายมีแต่เงาสลัวของป้ายไม้หน้าหลุมศพปักเต็มไปหมด

ชายหนุ่มขยับตัว พบว่ามือและเท้าถูกใครบางคนจับมัด โชคดีที่มือไม่ได้ถูกจับไขว้หลัง จึงสามารถใช้ข้อศอกชันตัวลุกขึ้นนั่งกลางความมืดและเอื้อมมือทั้งสองไปแก้มัดเชือกที่พันธนาการรอบข้อเท้าของตัวเองได้ ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงความเย็นเยียบและเงียบสงบรอบกาย ความเงียบสงบ ความมืดมิด ความหนาวเย็น อะไรบางอย่างในความรู้สึกบอกชายหนุ่มว่า...

เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง

มีใครบางคน หรืออาจจะหลายคน จ้องมองเขาอยู่ในความเงียบสงบ ความมืดมิดและความหนาวเย็นเหล่านั้น

ได้ยินเสียงแกรกกรากจากป่าด้านขวามือ ชายหนุ่มรีบใช้ปากกัดดึงปมเชือกที่ผูกมัดข้อมือออก เชือกป่านหลุดออกอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มควานมือที่เป็นอิสระอีกครั้งไปข้างตัว สะดุดเข้ากับกระบอกไฟฉาย เขาคว้ามันติดมือเป็นอาวุธ กดสวิตช์ทดสอบว่าไฟฉายยังใช้ได้หรือไม่ ลำไฟสว่างวาบส่องพื้นเป็นวงกลม ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะลุกขึ้นยืน

แต่ก็ต้องยืนเคว้งคว้างอยู่อย่างนั้นด้วยเพิ่งตระหนักว่าตนเองจำอะไรไม่ได้เลย

สำหรับคนทั่วไป ทุกคนย่อมต้องทราบว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่สำหรับชายหนุ่ม เขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง จำไม่ได้แม้แต่ว่าตัวเองคือใคร มาจากไหนและเพราะอะไรถึงถูกจับมัดมือมัดเท้ามาอยู่กลางป่าช้าแห่งนี้

เหงื่อผุดทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก พลันหูก็ได้ยินเสียงแกรกกรากจากด้านขวามืออีกครั้ง เขาขยับถอยหลังตามสัญชาตญาณ ส่วนมือก็สาดแสงไฟฉายไปยังทิศทางต้นเสียง

ในแสงไฟฉาย พุ่มไม้กำลังสั่นไหว ก่อนหยุดชะงักอย่างกะทันหัน

แล้วแมวดำตัวหนึ่งก็ย่างเท้าออกมา

ชายหนุ่มเป่าปากอย่างโล่งอก ก่อนจะแค่นหัวเราะให้กับความขี้ขลาดของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังย่างเท้าก้าวมาหาเขาเป็นเพียงแค่แมว ขาทั้งสองของเขากลับสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ชายหนุ่มสาดแสงไฟฉายใส่ดวงตาของแมวดำ หวังให้มันตื่นตระหนกและหนีไป แต่มันกลับทำเพียงแค่ก้มหน้าหลบแสงไฟและก้าวเท้าเข้ามาเรื่อยๆ

ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องกลัวสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ด้วย เขาไม่อยากให้มันเข้ามาใกล้ จึงก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเท่าเหรียญสิบบาทบนพื้นเขวี้ยงใส่มัน เจ้าแมวดำร้องแง้ว กระโจนหลบด้วยความว่องไว มันหันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน ชายหนุ่มเห็นเจ้าแมวดำกระเถิบไปยืนลังเลริมพุ่มไม้คล้ายกำลังชั่งใจว่ามันจะเดินเข้ามาหาเขาอีกดีหรือไม่ ชายหนุ่มจึงหยิบหินอีกก้อนทำท่าจะเขวี้ยงใส่ เจ้าเหมียวร้องแง้วอีกครั้งก็หันหลังกลับกระโจนเข้าพุ่มไม้ไปตามเดิม

ฉับพลันนั้น ความมืดมิดอันหนักหน่วงแผ่ปกคลุมรอบกาย ฟ้าไร้ดาวว่าแย่แล้ว ดวงจันทร์ยังหายตัวเข้าไปหลังเมฆทะมึนอีก ชายหนุ่มสบถและกราดไฟฉายไปรอบกาย มองหาทางออกจากป่าช้า แต่ไม่ว่ามองไปทางไหน ภาพที่เห็นกลับเหมือนกันหมดคือต้นไม้ หลุมฝังศพที่เป็นเนินดิน ไม้ปักหน้าหลุมศพโย้เย้จะล้มมิล้มแหล่ ทางเดินที่เป็นดินก็มีแต่วัชพืชระเกะระกะ ไม่มีทางเท้าราบเรียบที่เป็นสัญญาณบอกว่าเป็นเส้นทางที่มีคนสัญจรผ่านปรากฏให้เห็น

ชายหนุ่มผู้ไร้นามยกมือปาดเหงื่อ ในใจหวนคิดถึงแมวดำตัวเมื่อกี้ มันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? มันมีเจ้านายหรือเปล่า? ถ้ามี บ้านเจ้านายของมันจะอยู่ใกล้ๆ ป่าช้านี้ใช่มั้ย? ชายหนุ่มนึกเสียใจขึ้นมาทันทีที่ไล่ตะเพิดเจ้าแมวไปอย่างไร้เหตุผล เขาสาดแสงไฟฉายไปยังพุ่มไม้ที่แมวดำกระโจนหายไป นี่มันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ชายหนุ่มเดินไปที่พุ่มไม้ สองจิตสองใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาเดินตามรอยมันไป

บัดดลนั้น เสียงแกรกกรากดังขึ้นด้านหลังของเขา

ชายหนุ่มหันขวับกลับไปพร้อมกราดแสงไฟฉาย แล้วก็ต้องผงะหงายหลังด้วยความตกใจเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงแกรกกรากนั้นปรากฏกายอยู่ตรงหน้าในแสงไฟห่างจากเขาไปเพียงสองสามเมตร ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง แต่กลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาแตะจมูกบอกเขาว่ามันคือความจริง

ซากศพที่ใบหน้าเปื่อยยุ่ยและทั่วร่างเปรอะโชกด้วยเลือดศพหนึ่งกำลังเดินลากเท้าตรงมาที่เขา มือที่ผิวหนังเป็นแผลหนองตะปุ่มตะป่ำยื่นออกมาข้างหน้าคล้ายประกาศเจตนาว่าต้องการบีบคอเขาให้ได้ เลือดในตัวของชายหนุ่มเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกาย ความหวาดกลัวสะกดให้เขานอนแน่นิ่งตัวสั่นเทาอยู่อย่างนั้น

ซากศพอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเมตรแล้ว ลักษณะการเดินของมันเป็นไปอย่างเชื่องช้าเหมือนการเดินของหุ่นยนต์ ซากศพมีดวงตาแดงฉานกลางความมืด มันอ้าปากเผยเขี้ยวแหลมที่เหมือนฟันของสัตว์มากกว่าฟันของมนุษย์และส่งเสียงครางแหบต่ำดังลอดออกมาจากลำคอด้วยความหิวกระหาย

เสียงคำรามนั้นเรียกสติของชายหนุ่มกลับคืนมา เขาพลิกตัวและตะกายหนีไปข้างหน้า ไม่สนใจว่าหัวจะเกี่ยวกิ่งไม้หรืออะไร สิ่งเดียวที่บอกตนเองคือกำกระบอกไฟฉายให้แน่นและหนีไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ชายหนุ่มได้ยินเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวดังไล่หลัง มันทำให้เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่ง แต่วิ่งได้ไม่ไกลเท่าไหร่เท้าขวาก็สะดุดรากไม้ล้มทิ่มไปบนหลุมศพหลุมหนึ่งไม่เป็นท่า

แม้จะจุกแอก แต่เขาก็ยังมีสติ เมื่อสายตาของชายหนุ่มเหลือบไปกระทบกับป้ายปักหลุมศพก็เอื้อมมือกระชากออกมาเป็นอาวุธ เขาม้วนตัวลุกขึ้น หันขวับไปข้างหลังพร้อมกับหวดไม้ในมือสุดแรง แต่สิ่งที่เขาพบกลับมีเพียงความมืดมิด ต้นไม้และหลุมศพ

ซากศพนั้นหายไปแล้ว

ชายหนุ่มหอบหายใจ น้ำตากับน้ำมูกไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

มือซ้ายกราดแสงไฟฉายไปโดยรอบ เช่นเดียวกับสองตาที่ระวังระไว

ไม่มีร่องรอยของซากศพเดินได้แล้วจริงๆ

เมื่อกี้มันคืออะไรกันนะ?

ชายหนุ่มทรุดกายคุกเข่าอย่างหมดแรง รู้สึกลำคอแห้งผากกระหายน้ำขึ้นมาในทันทีทันใด เขาปักไม้ไว้บนพื้น นั่งเรียกสติให้เข้าที่เข้าทางครู่หนึ่งก็บอกตัวเองว่าเขาคงตาฟาด เมื่อกี้ไม่ได้มีซากศพเดินได้อะไรเลย สิ่งที่เขาเห็นอาจเป็นเพียงเงาสะท้อนของต้นไม้ผสมกับจินตนาการเท่านั้น

เอาไงต่อดี?

ก็หาทางออกไปจากที่นี่สิวะ จะนั่งรอให้เทวดามาช่วยรึไง?

ชายหนุ่มถามตัวเองและย้อนด่าตัวเองในเวลาเดียวกัน

เขาลุกขึ้นยืน ดึงไม้ขึ้นจากพื้นถือมั่นในมือขวา ถึงจะบอกว่าภาพศพเดินได้ที่เห็นเป็นเพียงจินตนาการก็ตาม แต่อยู่ในที่แบบนี้มีอะไรติดมือไว้บ้างก็น่าอุ่นใจกว่าเดินตัวเปล่ากับไฟฉายอีกหนึ่งกระบอกหลายขุม ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ระหว่างทางก็นึกทบทวนว่าเขาเป็นใคร มาที่นี่ได้อย่างไรและเขากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่

แต่สมองของเขามันว่างเปล่ากลวงโบ๋ไปหมดเช่นเดียวกับกระเป๋าสตางค์ที่พบอยู่ในกางเกง ไม่มีอะไรที่จะสามารถบ่งบอกตัวบุคคลได้เลยว่าเขาเป็นใคร ชายหนุ่มอับจนปัญญาที่จะค้นหาความจริง เขาลองสำรวจดูร่างกายตัวเองแล้ว แต่ไม่มีส่วนใดแสดงรอยฟกช้ำของการถูกทำร้าย

ชายหนุ่มจมอยู่ในห้วงคิดจนไม่ได้ผิดสังเกตเลยว่าเขาเดินวนกลับมาที่เดิมที่รู้สึกตัวตื่นครั้งแรก หากเขาจะมองบนพื้นสักนิดก็จะพบกับเชือกป่านที่เขาแก้มัดตัวเองได้ไม่ยาก และหากเขารู้อย่างนั้น เขาก็ไม่ต้องชะงักเท้าเพราะได้ยินเสียงแกรกกรากจากหลังต้นไม้เบื้องหน้า ไม่ต้องกระหวัดสายตามองเพื่อที่ความตื่นตระหนกจะเข้าครอบคลุมจิตใจอีกครั้ง

ซากศพเดินได้ยืนแยกเขี้ยวอยู่ข้างต้นไม้ มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มากันถึงสามตัว

ชายหนุ่มสบถด้วยความพรั่นพรึง สองเท้าผงะถอยหลังก่อนหันขวับเมื่อได้ยินเสียงคำรามในระยะประชิด ซากศพเดินได้ตัวสูงใหญ่ร่วมสองเมตรโผล่มาข้างหลังเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ชายหนุ่มล้มลง ไม้กับไฟฉายหลุดออกจากมือ เขากระเถิบถอยหลัง คิดจะม้วนตัวหนีไปทางขวามือ แต่ตรงนั้นกลับมีซากศพอีกสองร่างโผล่มาขวางทางเอาไว้ หลงเหลือเพียงทางเดียวคือซ้ายมือ

ซากศพจากทั้งสามทิศเดินลากเท้ามุ่งตรงเข้ามาที่ชายหนุ่มเป็นจุดเดียว เขาตาลีตาเหลือกเอื้อมมือคว้าไฟฉายได้ก็ลุกขึ้นวิ่งไปยังเส้นทางที่เหลืออยู่ ความจริงที่ว่าซากศพพวกนี้ไม่ได้อยู่ในจินตนาการทำให้สองขาอ่อนเปลี้ยวิ่งไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน ซากศพเหล่านั้นส่งเสียงคำรามและตามติดมาไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มรวบรวมกำลังลุกขึ้นและวิ่งต่อไปโดยไม่สนใจฟังเสียงคำรามหรือเหลียวหน้ากลับไปมองข้างหลังอีก

เขาสับเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งเข้าไปในความมืดมิด วิ่งเข้าไปสู่ปริศนาที่ว่าจะมีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้รอเขาอยู่อีกหรือไม่?

ชายหนุ่มวิ่งมานานหรือไกลเท่าไหร่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ หัวเข่าของเขาทรุดลงเพราะหมดแรงเมื่อพยายามกระโดดข้ามหลุมศพหลุมหนึ่ง ร่างของเขากลิ้งไปบนพื้นดิน ลมหายใจถี่กระชั้นขาดห้วงขณะท้องอัดเข้ากับรากไม้แข็งหยาบ

ชายหนุ่มเปียกไปทั้งตัวด้วยเหงื่อแห่งความหวาดหวั่น เขานอนอ้าปากงับอากาศเหมือนปลาเกยตื้น กระบอกไฟฉายหลุดมือกลิ้งไปไม่ไกลนัก ลำแสงของมันยังคงส่องตรงไปเบื้องหน้า ชายหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนยันตัวลุกนั่งและคลานไปคว้าไฟฉาย ตัดสินใจกดสวิตช์ดับมันเพราะกลัวว่าแสงไฟฉายจะเป็นจุดเรียกความสนใจของเหล่าอมนุษย์เหล่านั้น  

ทว่าความมืดรอบกายกลับเล่นงานเขาเสียเอง คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ขณะนี้เขามองอะไรในระยะไกลกว่าเอื้อมมือไม่เห็นเลย ชายหนุ่มจำใจกดสวิตช์ไฟฉายเปิดขึ้นอีกครั้ง เขาส่องลำแสงไล่ไปบนพื้นทางเดินเพื่อหาท่อนไม้สักท่อนไว้เป็นอาวุธป้องกันตัว ชายหนุ่มได้กิ่งไม้หนาขนาดเท่าท่อนแขนท่อนหนึ่งใต้ต้นไม้ที่เขาไม่ทันได้ดูว่าเป็นต้นอะไร

เมื่อมีอาวุธติดมือ เขาก็เดินตรงไปข้างหน้า หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเพราะทางเดินบริเวณนี้ค่อนข้างเรียบเหมือนทางเท้าจริงๆ ชายหนุ่มภาวนาว่าขอให้เจอสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่อสูรกายพวกนั้น แต่แล้วเมื่อเดินมาเรื่อยๆ เขากลับพบว่าสองข้างทางมีโครงกระดูกมนุษย์ปรากฏเป็นระยะ บ้างอยู่ในสภาพที่แขนขาและอวัยวะส่วนอื่นๆ อยู่ครบ ขาดไปก็เพียงเนื้อหนังมังสาที่ถูกอะไรบางอย่างกัดทึ้งเหวอะหวะ บ้างก็เหลือเพียงแค่ครึ่งตัวหรือร้ายสุดคือเหลือแต่เพียงหัวกะโหลก

ยิ่งเดินไปเรี่ยวแรงและขวัญกำลังใจทั้งหมดของชายหนุ่มยิ่งลดลงฮวบฮาบ เขาเริ่มสองจิตสองใจว่าควรหาที่หลบซ่อนสักแห่งรอให้เช้าก่อนถึงค่อยหาทางออกไปจากป่าช้านี้ดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นเอง ความหวังที่ดับมอดของเขาพลันลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

เบื้องหน้าในแสงไฟฉายของเขาขณะนี้เป็นรั้วไม้ผุผังของกระท่อมน้อยหลังหนึ่งซึ่งตั้งทะมึนในความมืดมิด ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่ามันเป็นกระท่อมร้างหรือไม่ เขาเดินเข้าไปหยุดหน้าประตูรั้ว พบว่าบนรั้วมีตัวอักษรคล้ายอักขระโบราณสลักอยู่เต็มพรึบ อะไรบางอย่างในความรู้สึกส่วนลึกบอกเขาว่าอักขระพวกนี้มีไว้เพื่อป้องกันซากศพพวกนั้น

ชายหนุ่มเงยหน้าใช้ไฟฉายส่องไปที่ผนังกระท่อม ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต เขาสูดหายใจลึกและผลักประตูรั้วเปิด มันเปิดออกอย่างง่ายดายเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเท้าก้าวเข้าไปพร้อมกับสาดแสงไฟฉาย แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด เขาเดินมาถึงประตูกระท่อม น่าแปลกที่ประตูไม่มีโซ่กุญแจคล้องล็อคหรือแมต่ลงกลอน นอกจากนั้นมันยังเปิดแง้มเหมือนมีใครบางคนรอคอยเขาอยู่ด้านใน

ถ้าเป็นไอ้ผีดิบพวกนั้นล่ะ?

ชายหนุ่มกระชับไม้ในมือ ปลุกปลอบใจตนเองว่าในบ้านต้องไม่มีอสูรกายพวกนั้นเพราะรอบบ้านมีอักขระป้องกันไว้แล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือที่ถือไฟฉายผลักประตู วงกบประตูส่งเสียงแอ๊ดแหลมยาวขณะบานพับเหวี่ยงตัวเข้าไป

ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่หน้าประตู เขาสาดแสงไฟเข้าไปภายใน ตระเตรียมว่าหากมีอะไรโผล่เข้ามาในลำแสงไฟฉายก็สามารถหันหลังวิ่งหนีออกมาได้ทันที เขายืนตั้งท่ารอวิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ลำแสงไฟฉายไม่ได้ส่องให้เห็นอะไร เขาก็ตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปภายใน

เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะบังเกิดเสียงแง้วแหลมเล็กดังทักมาจากใต้โต๊ะเขียนหนังสือมุมห้อง

เฮ่ย ไอ้แมวบ้า ตกใจหมด! ชายหนุ่มคำรามใส่เจ้าแมวดำที่ค่อยๆ เยื้องย่างออกมาจากใต้โต๊ะ ทว่าในใจจริงกลับดีใจที่ได้เจอมัน เขาดีใจที่ได้พูดอะไรออกมาสักอย่างหลังจากต้องหุบปากเงียบอยู่นาน เขาดีใจที่ได้พบที่หลบซ่อนอันปลอดภัยและสุดท้าย เขาดีใจที่ตัวเองยังไม่ตาย

ชายหนุ่มใช้เวลาเดินสำรวจในกระท่อมที่มีห้องเพียงห้องเดียวเสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่นาที เขาพบเทียนไขกับไฟแช็ครวมถึงเข็มทิศหนึ่งชิ้นในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือร่วมกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง แล้วจึงเห็นน้ำดื่มที่พร่องไปหนึ่งส่วนสี่ของขวดบนโต๊ะหัวเตียงกับกล่องใส่ปลากระป๋องที่จะหมดอายุในอีกสองเดือนข้างหน้าหนึ่งแพ็ค

ไม่ว่าก่อนหน้านี้ปลากระป๋องเหล่านี้จะเป็นอาหารของแมวดำหรือของเจ้านายผู้เลี้ยงมัน แต่ตอนนี้อาหารทุกอย่างตกเป็นของอาคันตุกะผู้ไร้นามโดยสมบูรณ์ เขาดึงฝาเปิดและเทปลากระป๋องใส่ปากอย่างหิวโหย ความจริงแล้วเขารู้สึกหิวไม่ต่างจากไอ้ซากศพพวกนั้นเลย ชายหนุ่มโยนกระป๋องแรกทิ้งไปและเปิดกระป๋องที่สองต่ออย่างรวดเร็ว

ซอสมะเขือเทศของปลากระป๋องเปรอะรอบริมฝีปากของเขาเหมือนรอยเลือด แต่ชายหนุ่มหิวเกินกว่าจะสนใจ เขาจัดการปลากระป๋องในแพ็คไปถึงสี่กระป๋อง ตั้งใจจะกินให้หมดทั้งหกกระป๋องแต่ฉุกคิดได้ว่าอาจต้องใช้มันเป็นเสบียงเลี้ยงท้องระหว่างยังหาทางออกจากป่าช้านี้ไม่เจอ จึงละมันไว้อยู่ในกล่องอย่างไม่ใคร่เต็มใจเสียเท่าไหร่

หลังดื่มน้ำล้างกลิ่นคาวซอสในปากไปสองอึกใหญ่ ชายหนุ่มก็เช็ดปากกับหมอนบนเตียงมุมห้องและจุดเทียนไขอ่านสมุดบันทึกที่ค้นเจอ แน่ล่ะว่าเขาเหนื่อยล้าสมควรหลับสักงีบ แต่เขาก็หวาดกลัวเกินไปที่จะหลับตาลงนอน ชายหนุ่มกวาดสายตาไปบนลายมือหวัดๆ บนหน้ากระดาษ มีแมวดำเดินเลียงๆ เคียงๆ เข้ามาคลอเคลียแถวข้อเท้า

สัมผัสอันนุ่มเนียนของขนแมวที่ถูไถไปมาให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ชายหนุ่มละสายตาจากบันทึกที่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มสติเฟื่องผู้หนีสังคมมาใช้ชีวิตในป่าช้าอย่างสันโดษเพื่อทำการทดลองอะไรบางอย่างและมองไปที่มัน เจ้าแมวเงยหน้าขึ้นมาร้องเหมียวใส่เขาคล้ายต้องการจะพูดคุยด้วย

ชายหนุ่มกับแมวจ้องหน้ากันอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายแรกจะใช้เท้าเขี่ยแมวดำออกไปและหันหน้ากลับมาอ่านบันทึกต่อ

แมวดำร้องคราง ชายหนุ่มปิดประตูขัดกลอนเอาไว้ เจ้าแมวจึงออกไปไหนไม่ได้ มันเดินวนกลับไปนอนใต้โต๊ะเขียนหนังสือตามเดิมขณะผู้ที่ไม่ต้องการเล่นกับมัน มีอาการปากอ้าตาค้างในข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาษของสมุดบันทึกในอีกห้านาทีต่อมา

(ต่อด้านล่าง)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่