หากย้อนกลับไปคิดเรื่องที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ประเทศไทยเราทำไมถึงมีการข่มขู่ประชาชนอยู่ตลอดเวลา และคนไทยก็แปลกที่พร้อมจะเชื่อการข่มขู่อยู่เสมอๆ
ข่มขู่เรื่องนักศึกษาจะทำให้ประเทศไทยเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งๆที่รัฐบาลยุคนั้นเป็นเผด็จการไม่ต่างกับคอมมิวนิสต์เท่าไรนัก
ข่มขู่เรื่องแทนทาลั่มเป็นสิ่งเลวร้ายห้ามไม่ให้ตั้งโรงงานในประเทศไทย ทั้งๆที่ประเทศอื่นเขานำมาใช้คนร่ำรวยไปตามๆกันเพราะเป็นวัสดุในการผลิตอุปกรณ์ไอที
ข่มขู่เรื่องหากเอาพื้นที่เป็นหนองน้ำมาสร้างสนามบินจะทำให้สนามบินพัง ทั้งๆที่ประเทศอื่นเขาสร้างสนามบินบนทะเลสำเร็จมาแล้ว
ข่มขู่เรื่องรถไฟใต้ดินไม่สามารถทำในพื้นที่ กทม ได้ ทั้งๆที่วันนี้ กทม มี รถไฟใต้ดินก็ไม่เคยเจอปัญหาน้ำท่วมมาก่อน
ข่มขู่เรื่องเผด็จการรัฐสภา ทั้งๆที่จำนวน สส ที่ได้จนล้นสภานั้นได้มาจากประชาชนเขาพร้อมใจกันเลือกพรรคที่ทำประโยชน์ให้กับพวกเขามากกว่า ด้วยผลงานที่ไม่เคยมีนักการเมืองใดเคยทำได้มาก่อน ประชาชนเป็นคนเลือกเข้ามาเองแท้ๆจะเป็นเผด็จการได้ยังไง?
ข่มขู่เรื่องคอรัปชั่นจึงต้องทำรัฐประหาร ทั้งๆที่คณะผู้บริหารประเทศที่มาจากการรัฐประหารทุกชุดนั้น สามารถใช้อำนาจเผด็จการอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมได้ จึงสามารถโกงกินกันอย่างมูมมามโดยไม่สามารถเอาตัวคนโกงกินมาตรวจสอบและลงโทษได้
ข่มขู่เรื่องประเทศไทยจะขาดแคลนข้าวสาร ทั้งๆที่ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งข้าวยังเป็นพืชที่สามารถให้ผลเก็บเกี่ยวในระยะเวลา 4-6 เดือนเท่านั้น และประเทศไทยมีข้าวเก็บอยู่ในคลังปีละหลายล้านตันอยู่เสมอๆ
ข่มขู่เรื่องประเทศชาติจะล่มจมจึงต้องออกมากู้ชาติ ทั้งๆที่ประเทศไทยเวลานั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก นานาประเทศให้ความสนใจในความสามารถของผู้บริหารประเทศในขณะนั้นที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้พลิกจากวิกฤติสู่ความมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นรัฐบาลแรกที่สามารถทำงบประมาณสมดุลได้ อีกทั้งยังมีเงินให้ประเทศเพื่อนบ้านกู้ได้อีก
ข่มขู่เรื่องล้มสถาบัน ทั้งๆที่คนไทยนั้นให้การยกย่องและเชิดชูสถาบันมาโดยตลอด จนทำให้คนไทยหันมาใส่เสื้อสีเหลืองกันทั้งประเทศจนต่างประเทศเขาแปลกใจและรู้สึกทึ่งกันมาแล้ว ซึ่งหากใครคิดล้มสถาบันคงไม่ตายดีอยู่แล้ว
ข่มขู่เรื่องศีลธรรมเสื่อมเสียจึงไม่ยอมให้มีหวยบนดิน ทั้งๆที่ธุรกิจของหวยใต้ดินนั้นย่ำแย่ที่สุดเมื่อมีหวยบนดิน และธุรกิจนี้ไม่มีทางหมดไปหากไม่ยุบกองสลากที่ไม่มีใครกล้าสั่งให้ยกเลิกได้
ข่มขู่เรื่องการแปรรูปเป็นรัฐวิสาหกิจคือการขายชาติ ทั้งๆที่ทุกรัฐวิสาหกิจนั้นมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่ากึ่งหนึ่งอยู่แล้ว และหากหุ้นดังกล่าวไปถูกขายออกไป ก็ไม่มีวันที่จะมีใครไปยึดครองรัฐวิสาหกิจนั้นได้ ยังไงก็ยังเป็นของรัฐบาลอยู่ดี
ข่มขู่เรื่องประชานิยมทำให้คนเสียนิสัย ทั้งๆที่เงินที่เอามาทำประชานิยมนั้นเป็นเงินภาษีของประชาชนทุกคน และรัฐบาลมีหน้าที่จัดสรรเงินภาษีเหล่านี้กลับไปให้ประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ หากรัฐบาลไม่ทำในสิ่งที่เป็นประชานิยม ประชาชนจะเสียภาษีไปเพื่ออะไร?
ข่มขู่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 จะทำให้นักลงทุนหนีจากประเทศไทย ทั้งๆที่ธุรกิจมากมายยุคนี้ประกาศหาแรงงานไทยวันละ 400 บาทขึ้นไปยังหาคนไทยมาสมัครทำงานได้ยาก
จนถึงวันนี้ ยังมีบางพรรคการเมืองยังกล้าที่จะออกมาข่มขู่ประชาชนอย่างหน้าด้านๆว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนๆเดียว ทั้งๆที่ยังไม่มี สสร ที่มาจากการเลือกตั้งเกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว แต่ก็สามารถหยิบยกมาข่มขู่ประชาชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และที่ไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ว่า คนไทยบางกลุ่มในยุคนี้ยังเหมือนกับคนไทยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วที่ยังพร้อมที่จะเชื่อการข่มขู่ของนักการเมืองที่ไม่มีผลงาน หรือเชื่อพวกนักฉวยโอกาสอย่างทหารเผด็จการแก่ๆบางคน โดยไม่เคยใช้สมองคิดและพิจารณาด้วยตัวเอง จนพร้อมที่จะตกเป็นเหยื่อของการข่มขู่ได้ทุกเวลา
หากสังคมไทยยังหลงเชื่อการข่มขู่โดยปราศจากเหตุผลที่ทั่วโลกยอมรับแบบนี้ ประเทศไทยคงจะยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศล้าหลังไปอีกนาน
อยากถามคนไทยบางกลุ่มหน่อยว่า คุณชอบที่จะถูกข่มขู่และเป็นคนล้าหลังต่อไปแบบนี้อีกหรือฮ้า
จะขู่คนไทยไปถึงไหนกัน?
ข่มขู่เรื่องนักศึกษาจะทำให้ประเทศไทยเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งๆที่รัฐบาลยุคนั้นเป็นเผด็จการไม่ต่างกับคอมมิวนิสต์เท่าไรนัก
ข่มขู่เรื่องแทนทาลั่มเป็นสิ่งเลวร้ายห้ามไม่ให้ตั้งโรงงานในประเทศไทย ทั้งๆที่ประเทศอื่นเขานำมาใช้คนร่ำรวยไปตามๆกันเพราะเป็นวัสดุในการผลิตอุปกรณ์ไอที
ข่มขู่เรื่องหากเอาพื้นที่เป็นหนองน้ำมาสร้างสนามบินจะทำให้สนามบินพัง ทั้งๆที่ประเทศอื่นเขาสร้างสนามบินบนทะเลสำเร็จมาแล้ว
ข่มขู่เรื่องรถไฟใต้ดินไม่สามารถทำในพื้นที่ กทม ได้ ทั้งๆที่วันนี้ กทม มี รถไฟใต้ดินก็ไม่เคยเจอปัญหาน้ำท่วมมาก่อน
ข่มขู่เรื่องเผด็จการรัฐสภา ทั้งๆที่จำนวน สส ที่ได้จนล้นสภานั้นได้มาจากประชาชนเขาพร้อมใจกันเลือกพรรคที่ทำประโยชน์ให้กับพวกเขามากกว่า ด้วยผลงานที่ไม่เคยมีนักการเมืองใดเคยทำได้มาก่อน ประชาชนเป็นคนเลือกเข้ามาเองแท้ๆจะเป็นเผด็จการได้ยังไง?
ข่มขู่เรื่องคอรัปชั่นจึงต้องทำรัฐประหาร ทั้งๆที่คณะผู้บริหารประเทศที่มาจากการรัฐประหารทุกชุดนั้น สามารถใช้อำนาจเผด็จการอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมได้ จึงสามารถโกงกินกันอย่างมูมมามโดยไม่สามารถเอาตัวคนโกงกินมาตรวจสอบและลงโทษได้
ข่มขู่เรื่องประเทศไทยจะขาดแคลนข้าวสาร ทั้งๆที่ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งข้าวยังเป็นพืชที่สามารถให้ผลเก็บเกี่ยวในระยะเวลา 4-6 เดือนเท่านั้น และประเทศไทยมีข้าวเก็บอยู่ในคลังปีละหลายล้านตันอยู่เสมอๆ
ข่มขู่เรื่องประเทศชาติจะล่มจมจึงต้องออกมากู้ชาติ ทั้งๆที่ประเทศไทยเวลานั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก นานาประเทศให้ความสนใจในความสามารถของผู้บริหารประเทศในขณะนั้นที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้พลิกจากวิกฤติสู่ความมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นรัฐบาลแรกที่สามารถทำงบประมาณสมดุลได้ อีกทั้งยังมีเงินให้ประเทศเพื่อนบ้านกู้ได้อีก
ข่มขู่เรื่องล้มสถาบัน ทั้งๆที่คนไทยนั้นให้การยกย่องและเชิดชูสถาบันมาโดยตลอด จนทำให้คนไทยหันมาใส่เสื้อสีเหลืองกันทั้งประเทศจนต่างประเทศเขาแปลกใจและรู้สึกทึ่งกันมาแล้ว ซึ่งหากใครคิดล้มสถาบันคงไม่ตายดีอยู่แล้ว
ข่มขู่เรื่องศีลธรรมเสื่อมเสียจึงไม่ยอมให้มีหวยบนดิน ทั้งๆที่ธุรกิจของหวยใต้ดินนั้นย่ำแย่ที่สุดเมื่อมีหวยบนดิน และธุรกิจนี้ไม่มีทางหมดไปหากไม่ยุบกองสลากที่ไม่มีใครกล้าสั่งให้ยกเลิกได้
ข่มขู่เรื่องการแปรรูปเป็นรัฐวิสาหกิจคือการขายชาติ ทั้งๆที่ทุกรัฐวิสาหกิจนั้นมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่ากึ่งหนึ่งอยู่แล้ว และหากหุ้นดังกล่าวไปถูกขายออกไป ก็ไม่มีวันที่จะมีใครไปยึดครองรัฐวิสาหกิจนั้นได้ ยังไงก็ยังเป็นของรัฐบาลอยู่ดี
ข่มขู่เรื่องประชานิยมทำให้คนเสียนิสัย ทั้งๆที่เงินที่เอามาทำประชานิยมนั้นเป็นเงินภาษีของประชาชนทุกคน และรัฐบาลมีหน้าที่จัดสรรเงินภาษีเหล่านี้กลับไปให้ประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ หากรัฐบาลไม่ทำในสิ่งที่เป็นประชานิยม ประชาชนจะเสียภาษีไปเพื่ออะไร?
ข่มขู่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 จะทำให้นักลงทุนหนีจากประเทศไทย ทั้งๆที่ธุรกิจมากมายยุคนี้ประกาศหาแรงงานไทยวันละ 400 บาทขึ้นไปยังหาคนไทยมาสมัครทำงานได้ยาก
จนถึงวันนี้ ยังมีบางพรรคการเมืองยังกล้าที่จะออกมาข่มขู่ประชาชนอย่างหน้าด้านๆว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนๆเดียว ทั้งๆที่ยังไม่มี สสร ที่มาจากการเลือกตั้งเกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว แต่ก็สามารถหยิบยกมาข่มขู่ประชาชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และที่ไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ว่า คนไทยบางกลุ่มในยุคนี้ยังเหมือนกับคนไทยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วที่ยังพร้อมที่จะเชื่อการข่มขู่ของนักการเมืองที่ไม่มีผลงาน หรือเชื่อพวกนักฉวยโอกาสอย่างทหารเผด็จการแก่ๆบางคน โดยไม่เคยใช้สมองคิดและพิจารณาด้วยตัวเอง จนพร้อมที่จะตกเป็นเหยื่อของการข่มขู่ได้ทุกเวลา
หากสังคมไทยยังหลงเชื่อการข่มขู่โดยปราศจากเหตุผลที่ทั่วโลกยอมรับแบบนี้ ประเทศไทยคงจะยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศล้าหลังไปอีกนาน
อยากถามคนไทยบางกลุ่มหน่อยว่า คุณชอบที่จะถูกข่มขู่และเป็นคนล้าหลังต่อไปแบบนี้อีกหรือฮ้า