ด้วยความที่ทำงานตั้งแต่จบ ม .6 และต้องส่งตัวเองเรียน ให้จบปริญญาเอง จึงต้องประหยัดไว้ก่อน จนติดเป็นนิสัย และคิดว่ามันดีกับชีวิต จึงอยากมาแชร์ให้เพื่อนฟังค่ะ
เมื่อสมัยทำงานบริษัท ของใช้ในชีวิตประจำวันของชั้น คือ Sampling ที่เค้าแจกสินค้าตัวอย่างตามข้างล่างอาคารสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นครีมทาหน้ายี่ห้อต่างๆออกใหม่ แบบซอง แบบหลอดเล็กๆ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปากขวดจิ๋ว ยาอมระงับกลิ่นปาก ยาสระผมซอง และอังเอิญโชคดีที่ทำงานบริษัทโฆษณา ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างจึงมีมาแจกพนักงานบ้าง เช่นแป้งเด็ก โลชั่นทาผิว สบู่ โรลออน ผงซักฟอก หรือแม้แต่ผ้าอนามัย เนื่องจากตัวคนเดียว เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงใช้ของแจกแบบนี้ได้อย่างสบาย หากมีอะไรหมด ก็เดินไปหาพี่พี่ AE ที่ทำโฆษณาสินค้าตัวนั้น แล้วขอสินค้าตัวอย่างเค้าเอากลับไปใช้ที่บ้านมาตลอด โดยน้อยครั้งนักที่จะเสียเงินซื้อของใช้พวกนี้เองค่ะ
ที่บริษัทมีชากาแฟมีเครื่องดื่มให้พนักงานดื่มได้แบบไม่ได้จำกัดหรือหวงอะไรมากมาย เราก็จะขอน้ำตาลซอง หรือ ครีมเทียมซอง กลับหอพักวันละซองสองซอง เก็บไว้ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเวลาหิวค่ะ หรือแม้แต่หาขวดเปล่ากรอกนำกรองที่ออฟฟิศวันละขวดแบกกลับหอ ก็ทำมาแล้วค่ะ มันไม่ได้หนักหนาอะไรนะคะ^^
เสื้อผ้าใส่ทำงานเนี่ย เจ้านาย กับ พี่พี่ที่ออฟฟิศชอบขนมาบริจาคค่ะ และให้เราเลือกก่อน ตัวไหนไม่ใส่เราก็จะเอาไปไหนให้ใครต่อเค้าก็ไม่ว่า พี่พี่คนอื่นๆเค้ารวยกันอยู่แล้ว เค้าไม่ใส่เสื้อผ้ามือสองต่อจากคนอื่นหรอกค่ะ แต่เราเอา เสื้อผ้าของพี่พี่บางตัวซื้อมายังไม่ใส่กันเลยค่ะ บางตัวใส่น้อยมาก มียี่ห้อแพงๆ เยอะและสวยทีเดียว บางครั้งใส่มา พี่เค้ายังงงว่าเค้าเคยมีเสื้อชุดนี้ด้วยเหรอ ^^ โอ้ว เค้ามีกันเยอะมากจนจำไม่ได้นะคะ ตัวไหนที่ใส่ไม่ได้ก็ให้พี่แม่บ้านไปให้ลูกให้หลานใส่ต่อได้ค่ะ
แต่ก็มีซื้อนะคะ ก็อยากสวยบ้างอ่ะนะคะ ว่าไม่ซื้อเลยก็คงจะเวอร์ ก็ใต้ถุนตึกที่ทำงานก็มีตลาดนัด เสื้อ กระโปรงตัวละ 150 170 บาท เข็มขัดเส้นละ 50 บาท รองเท้าแตะ 49 ส้นสูง 199 บาท ราคาไม่เกินนั้นค่ะ ไม่งั้นไม่มีทางซื้อแน่นอนค่ะ ก็พอจะซื้ออยู่บ้าง เดือนละตัว ไว้ใส่ทำงานค่ะ หรือไว้ใส่ไปเที่ยววันหยุดบ้างเล็กน้อย ชุดอยู่บ้าน กับชุดนอนเนี่ยไม่เคยซื้อเลยนะคะ ใส่ชุดเดิมๆที่มีมานานมาก ใส่จนเปื่อย หรือไม่ก็เสื้อทำงานเก่าๆ ละค่ะ เอามาใส่
เวลาไปไหจะมีทิชชู่วางบนโต๊ะ แผ่นสองแผ่น เราก็เก็บใส่กระเป๋า ไว้ใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเลย เก็บไว้ใช้ที่หอ และเก็บไว้เวลาไปไหนต้องเข้าห้องน้ำค่ะ เปิดกระเป๋าเมื่อไหร่ทิชชู่เต็มกระเป๋าทุกทีค่ะ
เวลาไปทานข้าว เหลือ เก็บกลับบ้านทุกครั้งนะคะ ไม่ว่าจะทานคนเดียว หรือไปทานกับเพื่อน ไม่เคยทิ้งไว้ เสียดายตังค์ค่ะ พอเวลาหิว มื้อต่อไปช่วยชีวิตได้ทุกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินอีก หรือเก็บมาให้พี่ รปภ. พี่แม่บ้านที่หอ เค้าชอบจะแย่ค่ะ
ผ่านไปหลายปี โตขึ้น มีแฟน แต่งงานแล้วก็ยังทำนะคะ เงินคนละกระเป๋ากันนี่คะ สมัยนี้อะไรไม่แน่นอน เราต้องเก็บของเราไว้ก่อนค่ะ แต่ก็จะดีขึ้นเรื่องกินเรื่องอยู่ แฟนจัดการให้ทั้งหมด แต่เราก็ไม่สุร่ายสุร่ายเหมือนเดิมแหละค่ะ เราช่วยเค้าประหยัดด้วยซ้ำ
เสื้อผ้านี่ ใส่ lot เดิม ยาวมาตั้งแต่สมัยทำงาน ยังใส่จนก่อนมีแฟนนะคะ ตอนหลังลาออกจากงาน มาช่วยแฟนทำงานที่บ้าน อ้วนขึ้นค่ะ จากไซส์ M เป็น Xl ข้ามไซส์มันเลยซะงั้น -_- เลยต้องตั้งใจไป ยูเนี่ยน ใกล้บ้านค่ะ ตัวละ 100,120,150 บาท สวยๆ เลือกดูดีดี มีเยอะแยะค่ะ แค่นั้นแหละค่ะ เอามา 7 ชุด ซื้อทีเดียว ใส่ให้พอ จบ
ทีนี้พอโตขึ้น ก็ไปงานบ่อยขึ้นนิสนึงค่ะ ก็ต้องเสียค่าซื้อเสื้อผ้า ก็เลยลงทุนซื้อเสื้อผ้าที่ Union Mall ค่ะ เดรสสั้น 2 ชุด ชุดประมาณ 450- 600 บาท เดรสยาว 2 ชุด ชุดประมาณ 700 900 บาท รวมเป็น 4 ชุด แล้วแลกกันใส่กับเพื่อน 2 คน คนที่ตัวใกล้เคียงกันค่ะ เท่ากับมี 8 ชุด วนกันใส่ไปงานแต่งงาน ไม่ซ้ำ 555 ทำแบบนี้มาได้หลายปีแล้วค่ะ ประหยัด
เรื่องของเครื่องสำอาง ตอนสาวๆก็ search จากห้องแป้งนี่ตลอดค่ะ เวลาจะซื้ออะไรแต่ละอย่าง Search แล้ว Search อีก อ่านมันทุกกระทู้ ส่วนใหญ่จะกระทู้ ของดีราคาถูก ประมาณซื้อแล้ว ถ้าไม่แพ้ ต้องใช้ให้หมด หรือ คุ้มที่สุดค่ะ แล้วขอบอกนะคะ ทุกอย่างที่ซื้อ ชิ้นเดียวค่ะ แป้งก็ตลับเดียว ลิปนี่ 2 สี ชมพูแท่ง ส้มแท่ง แค่นั้น ใช้จนหมด คือของใส่กระเป๋าเครื่องสำอาง ใบเล็กๆใบเดียวได้ ถือไปได้ตลอด ไม่มีอีกชุดสำรอง หรืออีกชุดไว้บนบ้าน หรือไว้ในรถงี้นะคะ ชุดเดียวค่ะ ไม่มีตุน ไม่มีแบบอันนี้ สามสีสี่ห้าสีไรงี้นะคะ
คือเคยไปบ้านเพื่อนค่ะ ตอนแรกเห็นในห้องน้ำ ยาสระผม นวดผม ครีมอาบน้ำ เป็นสิบขวด 10 กลิ่น โอ้ อะไรกันนี่ คือเพื่อนบอกว่า วันนี้อยากใช้กลิ่นนี้ วันนี้อยากใช้ขวดนี้ เลยมีหลายๆกลิ่นสลับกัน เดินเจออะไรออกใหม่ก็ซื้อมาลอง มันเลยพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างที่เห็น
หน้าโต๊ะเครื่องสำอางบ้านเพื่อน เป็นที่ละลานตาของเรามากค่ะ คงเหมือนเพื่อนๆอีกหลายคนนะคะ แป้งหลายตลับมาก สกินแคร์หลายยี่ห้อที่เปิดใช้ และอีกหลายชิ้นที่ยังไม่ได้เปิดใช้ ลิปสติกเรานับได้ เกือบ 20 แท่ง ปัดแก้มหลากหลายยี่ห้อ หลายสี คือโต๊ะเครื่องสำอางล้นอ่ะค่ะ
แต่เราเข้าใจเพื่อน เข้าใจสาวๆทุกคนค่ะ ก็ product ที่เค้าทำออกมา มันสวยดี packaging น่ารัก หรือเค้าลด หรือกลัวใช้หมด หาไม่ได้อีก ก็ตุนไว้ อะไรประมาณนี้ เผอิญเราไม่ใช่เป็นคนแต่งหน้าด้วยค่ะ เลยไม่ค่อยได้เสียเงินนัก แค่ลงเบส ทาแป้งฝุ่น ดัดขนตา ทาแก้ม ทาปาก แค่นั้นค่ะ ทุกวัน จริงๆ ถ้าไปงานก็เพิ่มมาสคาร่า กับ ทาเปลือกตา สีนึง มีแป้งฝุ่นตบนิดนึงกับกระดาษซับมัน จบค่ะ
แต่ก็มีฟุ่มเฟือยบ้างค่ะ ก็ผู้หญิงนี่ค่ะ ไปยืดผมค่ะ ครั้งเดียวอยู่ จะได้ไม่ต้องไปสระไดร์ให้เปลืองนะคะ มีทำสีบ้างเวลามีอารมณ์ขอดิชั้นใช้เงินบ้างไรงี้ เริ่มอายุมาก เริ่มเมื่อย มีนวดแผนไทยครั้งละ 100 บาท มีคนแถวบ้านขี่จักรยานมานวดให้ตามบ้าน ค่ะ ไปขัดผิว ก็พยายามควานหาแบบถูกและดี เผอิญโชคดี บ้านอยู่ใกล้ร้านขัดผิวที่ราคาถูกค่ะ หารแล้วตกครั้งละ 460 บาท ขัดด้วย นวดน้ำนมด้วย นวดตัวให้ด้วย สบายตัว แถมถูกอีกเนี่ย ชอบสุดสุดค่ะ
เป็นคนประหยัด แต่ไม่ใช่คนงกนะคะ ไม่เรื่องมากเรื่องเงินค่ะ ทำบุญทำทานตลอด ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยหารช่วยแชร์กับเพื่อน ไม่ได้ขี้ตืดอ่ะค่ะ แค่ประหยัดในสิ่งที่ประหยัดได้ ไว้เผื่อช่วยเหลือคนอื่นได้ตามความเหมาะสมค่ะ
วันนี้เลยอยากมาแชร์ มาชวนเพื่อนประหยัด เผื่อเพื่อนๆคนไหน ที่มีวิธีประหยัด อื่นๆ ที่น่าสนใจ มาร่วมกันบอกต่อให้เราและเพื่อนได้ทราบ คงจะดีกับช่วงเศรษฐกิจแบบนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ
อยาก แชร์ วิธีการประหยัด เล็กๆน้อยๆ กับขอ แชร์ วิธีประหยัด จากเพื่อนๆค่ะ
เมื่อสมัยทำงานบริษัท ของใช้ในชีวิตประจำวันของชั้น คือ Sampling ที่เค้าแจกสินค้าตัวอย่างตามข้างล่างอาคารสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นครีมทาหน้ายี่ห้อต่างๆออกใหม่ แบบซอง แบบหลอดเล็กๆ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปากขวดจิ๋ว ยาอมระงับกลิ่นปาก ยาสระผมซอง และอังเอิญโชคดีที่ทำงานบริษัทโฆษณา ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างจึงมีมาแจกพนักงานบ้าง เช่นแป้งเด็ก โลชั่นทาผิว สบู่ โรลออน ผงซักฟอก หรือแม้แต่ผ้าอนามัย เนื่องจากตัวคนเดียว เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงใช้ของแจกแบบนี้ได้อย่างสบาย หากมีอะไรหมด ก็เดินไปหาพี่พี่ AE ที่ทำโฆษณาสินค้าตัวนั้น แล้วขอสินค้าตัวอย่างเค้าเอากลับไปใช้ที่บ้านมาตลอด โดยน้อยครั้งนักที่จะเสียเงินซื้อของใช้พวกนี้เองค่ะ
ที่บริษัทมีชากาแฟมีเครื่องดื่มให้พนักงานดื่มได้แบบไม่ได้จำกัดหรือหวงอะไรมากมาย เราก็จะขอน้ำตาลซอง หรือ ครีมเทียมซอง กลับหอพักวันละซองสองซอง เก็บไว้ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเวลาหิวค่ะ หรือแม้แต่หาขวดเปล่ากรอกนำกรองที่ออฟฟิศวันละขวดแบกกลับหอ ก็ทำมาแล้วค่ะ มันไม่ได้หนักหนาอะไรนะคะ^^
เสื้อผ้าใส่ทำงานเนี่ย เจ้านาย กับ พี่พี่ที่ออฟฟิศชอบขนมาบริจาคค่ะ และให้เราเลือกก่อน ตัวไหนไม่ใส่เราก็จะเอาไปไหนให้ใครต่อเค้าก็ไม่ว่า พี่พี่คนอื่นๆเค้ารวยกันอยู่แล้ว เค้าไม่ใส่เสื้อผ้ามือสองต่อจากคนอื่นหรอกค่ะ แต่เราเอา เสื้อผ้าของพี่พี่บางตัวซื้อมายังไม่ใส่กันเลยค่ะ บางตัวใส่น้อยมาก มียี่ห้อแพงๆ เยอะและสวยทีเดียว บางครั้งใส่มา พี่เค้ายังงงว่าเค้าเคยมีเสื้อชุดนี้ด้วยเหรอ ^^ โอ้ว เค้ามีกันเยอะมากจนจำไม่ได้นะคะ ตัวไหนที่ใส่ไม่ได้ก็ให้พี่แม่บ้านไปให้ลูกให้หลานใส่ต่อได้ค่ะ
แต่ก็มีซื้อนะคะ ก็อยากสวยบ้างอ่ะนะคะ ว่าไม่ซื้อเลยก็คงจะเวอร์ ก็ใต้ถุนตึกที่ทำงานก็มีตลาดนัด เสื้อ กระโปรงตัวละ 150 170 บาท เข็มขัดเส้นละ 50 บาท รองเท้าแตะ 49 ส้นสูง 199 บาท ราคาไม่เกินนั้นค่ะ ไม่งั้นไม่มีทางซื้อแน่นอนค่ะ ก็พอจะซื้ออยู่บ้าง เดือนละตัว ไว้ใส่ทำงานค่ะ หรือไว้ใส่ไปเที่ยววันหยุดบ้างเล็กน้อย ชุดอยู่บ้าน กับชุดนอนเนี่ยไม่เคยซื้อเลยนะคะ ใส่ชุดเดิมๆที่มีมานานมาก ใส่จนเปื่อย หรือไม่ก็เสื้อทำงานเก่าๆ ละค่ะ เอามาใส่
เวลาไปไหจะมีทิชชู่วางบนโต๊ะ แผ่นสองแผ่น เราก็เก็บใส่กระเป๋า ไว้ใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเลย เก็บไว้ใช้ที่หอ และเก็บไว้เวลาไปไหนต้องเข้าห้องน้ำค่ะ เปิดกระเป๋าเมื่อไหร่ทิชชู่เต็มกระเป๋าทุกทีค่ะ
เวลาไปทานข้าว เหลือ เก็บกลับบ้านทุกครั้งนะคะ ไม่ว่าจะทานคนเดียว หรือไปทานกับเพื่อน ไม่เคยทิ้งไว้ เสียดายตังค์ค่ะ พอเวลาหิว มื้อต่อไปช่วยชีวิตได้ทุกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินอีก หรือเก็บมาให้พี่ รปภ. พี่แม่บ้านที่หอ เค้าชอบจะแย่ค่ะ
ผ่านไปหลายปี โตขึ้น มีแฟน แต่งงานแล้วก็ยังทำนะคะ เงินคนละกระเป๋ากันนี่คะ สมัยนี้อะไรไม่แน่นอน เราต้องเก็บของเราไว้ก่อนค่ะ แต่ก็จะดีขึ้นเรื่องกินเรื่องอยู่ แฟนจัดการให้ทั้งหมด แต่เราก็ไม่สุร่ายสุร่ายเหมือนเดิมแหละค่ะ เราช่วยเค้าประหยัดด้วยซ้ำ
เสื้อผ้านี่ ใส่ lot เดิม ยาวมาตั้งแต่สมัยทำงาน ยังใส่จนก่อนมีแฟนนะคะ ตอนหลังลาออกจากงาน มาช่วยแฟนทำงานที่บ้าน อ้วนขึ้นค่ะ จากไซส์ M เป็น Xl ข้ามไซส์มันเลยซะงั้น -_- เลยต้องตั้งใจไป ยูเนี่ยน ใกล้บ้านค่ะ ตัวละ 100,120,150 บาท สวยๆ เลือกดูดีดี มีเยอะแยะค่ะ แค่นั้นแหละค่ะ เอามา 7 ชุด ซื้อทีเดียว ใส่ให้พอ จบ
ทีนี้พอโตขึ้น ก็ไปงานบ่อยขึ้นนิสนึงค่ะ ก็ต้องเสียค่าซื้อเสื้อผ้า ก็เลยลงทุนซื้อเสื้อผ้าที่ Union Mall ค่ะ เดรสสั้น 2 ชุด ชุดประมาณ 450- 600 บาท เดรสยาว 2 ชุด ชุดประมาณ 700 900 บาท รวมเป็น 4 ชุด แล้วแลกกันใส่กับเพื่อน 2 คน คนที่ตัวใกล้เคียงกันค่ะ เท่ากับมี 8 ชุด วนกันใส่ไปงานแต่งงาน ไม่ซ้ำ 555 ทำแบบนี้มาได้หลายปีแล้วค่ะ ประหยัด
เรื่องของเครื่องสำอาง ตอนสาวๆก็ search จากห้องแป้งนี่ตลอดค่ะ เวลาจะซื้ออะไรแต่ละอย่าง Search แล้ว Search อีก อ่านมันทุกกระทู้ ส่วนใหญ่จะกระทู้ ของดีราคาถูก ประมาณซื้อแล้ว ถ้าไม่แพ้ ต้องใช้ให้หมด หรือ คุ้มที่สุดค่ะ แล้วขอบอกนะคะ ทุกอย่างที่ซื้อ ชิ้นเดียวค่ะ แป้งก็ตลับเดียว ลิปนี่ 2 สี ชมพูแท่ง ส้มแท่ง แค่นั้น ใช้จนหมด คือของใส่กระเป๋าเครื่องสำอาง ใบเล็กๆใบเดียวได้ ถือไปได้ตลอด ไม่มีอีกชุดสำรอง หรืออีกชุดไว้บนบ้าน หรือไว้ในรถงี้นะคะ ชุดเดียวค่ะ ไม่มีตุน ไม่มีแบบอันนี้ สามสีสี่ห้าสีไรงี้นะคะ
คือเคยไปบ้านเพื่อนค่ะ ตอนแรกเห็นในห้องน้ำ ยาสระผม นวดผม ครีมอาบน้ำ เป็นสิบขวด 10 กลิ่น โอ้ อะไรกันนี่ คือเพื่อนบอกว่า วันนี้อยากใช้กลิ่นนี้ วันนี้อยากใช้ขวดนี้ เลยมีหลายๆกลิ่นสลับกัน เดินเจออะไรออกใหม่ก็ซื้อมาลอง มันเลยพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างที่เห็น
หน้าโต๊ะเครื่องสำอางบ้านเพื่อน เป็นที่ละลานตาของเรามากค่ะ คงเหมือนเพื่อนๆอีกหลายคนนะคะ แป้งหลายตลับมาก สกินแคร์หลายยี่ห้อที่เปิดใช้ และอีกหลายชิ้นที่ยังไม่ได้เปิดใช้ ลิปสติกเรานับได้ เกือบ 20 แท่ง ปัดแก้มหลากหลายยี่ห้อ หลายสี คือโต๊ะเครื่องสำอางล้นอ่ะค่ะ
แต่เราเข้าใจเพื่อน เข้าใจสาวๆทุกคนค่ะ ก็ product ที่เค้าทำออกมา มันสวยดี packaging น่ารัก หรือเค้าลด หรือกลัวใช้หมด หาไม่ได้อีก ก็ตุนไว้ อะไรประมาณนี้ เผอิญเราไม่ใช่เป็นคนแต่งหน้าด้วยค่ะ เลยไม่ค่อยได้เสียเงินนัก แค่ลงเบส ทาแป้งฝุ่น ดัดขนตา ทาแก้ม ทาปาก แค่นั้นค่ะ ทุกวัน จริงๆ ถ้าไปงานก็เพิ่มมาสคาร่า กับ ทาเปลือกตา สีนึง มีแป้งฝุ่นตบนิดนึงกับกระดาษซับมัน จบค่ะ
แต่ก็มีฟุ่มเฟือยบ้างค่ะ ก็ผู้หญิงนี่ค่ะ ไปยืดผมค่ะ ครั้งเดียวอยู่ จะได้ไม่ต้องไปสระไดร์ให้เปลืองนะคะ มีทำสีบ้างเวลามีอารมณ์ขอดิชั้นใช้เงินบ้างไรงี้ เริ่มอายุมาก เริ่มเมื่อย มีนวดแผนไทยครั้งละ 100 บาท มีคนแถวบ้านขี่จักรยานมานวดให้ตามบ้าน ค่ะ ไปขัดผิว ก็พยายามควานหาแบบถูกและดี เผอิญโชคดี บ้านอยู่ใกล้ร้านขัดผิวที่ราคาถูกค่ะ หารแล้วตกครั้งละ 460 บาท ขัดด้วย นวดน้ำนมด้วย นวดตัวให้ด้วย สบายตัว แถมถูกอีกเนี่ย ชอบสุดสุดค่ะ
เป็นคนประหยัด แต่ไม่ใช่คนงกนะคะ ไม่เรื่องมากเรื่องเงินค่ะ ทำบุญทำทานตลอด ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยหารช่วยแชร์กับเพื่อน ไม่ได้ขี้ตืดอ่ะค่ะ แค่ประหยัดในสิ่งที่ประหยัดได้ ไว้เผื่อช่วยเหลือคนอื่นได้ตามความเหมาะสมค่ะ
วันนี้เลยอยากมาแชร์ มาชวนเพื่อนประหยัด เผื่อเพื่อนๆคนไหน ที่มีวิธีประหยัด อื่นๆ ที่น่าสนใจ มาร่วมกันบอกต่อให้เราและเพื่อนได้ทราบ คงจะดีกับช่วงเศรษฐกิจแบบนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ