++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทนำ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12829259/W12829259.htmlตอนที่ 1 พาภรรยามาศิริราชเดี๋ยวนี้ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12832639/W12832639.htmlตอนที่ 2 ค่ำคืนที่แสนยาวนาน -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12842042/W12842042.htmlตอนที่ 3 ถ้ามาช้าไปหนึ่งวัน -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12857797/W12857797.htmlตอนที่ 4 สามวันกลับบ้านได้จริงหรือ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12868805/W12868805.htmlตอนที่ 5 ความเครียดที่มองไม่เห็น -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12890910/W12890910.htmlตอนที่ 6 ความกดดันนี่มันหนักจริงๆ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12903209/W12903209.htmlตอนที่ 7 Stand by Me -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12917721/W12917721.htmlตอนที่ 8 นับหนึ่งกันใหม่ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12948984/W12948984.htmlตอนที่ 9 เป้าหมายข้างหน้ายังคงชัดเจน -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13015139/W13015139.htmlตอนที่ 10 ย้ายห้องอีกรอบ -
http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13055442/W13055442.html++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 11 อีกนิดเดียวเอง
อยากให้ผู้อ่านทุกคนลองจินตนาการกันนิดนึง ลองสมมติว่าตัวคุณเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ดูเผินๆคุณดูสบายดีไม่มีอะไรน่าห่วง คุณลืมตาขึ้น มองไปรอบๆห้อง คุณจะพบว่าคุณอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง เป็นห้องพักผู้ป่วย มีเตียง มีโซฟา 1 ตัว มีทีวีแต่ดูไม่ได้ มีห้องน้ำในตัวแต่ไม่ได้ใช้ คุณไม่มีสิทธิ์ออกไปไหน คุณเดินเองไม่ได้ คุณต้องอยู่แต่ห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิม จะว่าไปแล้วเตียงที่คุณกำลังนอนเป็นอาณาเขตทั้งหมดที่คุณมี สิ่งที่คุณทำได้คือนั่งๆนอนๆอยู่บนเตียง แล้วลองนึกซิว่า คุณลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่แต่ในห้องนี้ทุกๆวัน ภาพแบบเดิมๆ มุมแบบเดิมๆทุกๆวัน และถ้าคุณต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นมา 9 อาทิตย์ติดต่อกัน ขอถามว่าถ้าคุณเลือกได้คุณอยากกลับบ้านไหมครับ..........................
ถึงเวลานี้ สัปดาห์ที่ 35 เราอยากเลือกได้เหมือนกันครับ อาการของหน่องที่ดูดีขึ้น ไม่มีอะไรน่าห่วงมาก และเรายังไม่รู้เลยว่าหน่องจะคลอดเมื่อไร อาจจะเป็นได้ทุกๆอาทิตย์ต่อจากนี้ หน่องอาจจะคลอดตอนอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อีกตั้ง 5 อาทิตย์แนะ งั้นเราจะอยู่ที่ศิริราชต่อทำไม สู้ไปพักผ่อนต่อที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ ..................................นี่เป็นสิ่งที่ผมเริ่มคิดครับ เพราะถ้าถามหน่อง หน่องจะบอกทันทีเลยว่า หน่องอยากกลับบ้าน ....................................คำตอบมันชัดเจนมากครับ
แต่เหตุการณ์ในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง ความคิดผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ...................................................................
มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผมในช่วงบ่ายๆ เป็นช่วงที่ผมอยู่ที่ทำงาน กำลังรีบปั่นงานให้เสร็จอยู่ เพื่อจะได้รีบออกจากที่ทำงานกลับไปหาภรรยาของผมที่ศิริราช...................................ผมรีบรับสาย
ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมพูด
สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจากฝ่ายบุคคลของบริษัทที่คุณอาภาพรทำงานอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอาภาพรอาการเป็นยังไงบ้างคะ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าผมได้มีการโทรไปลากับทางหัวหน้างานของหน่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องคงถึงฝ่ายบุคคลแล้วเลยโทรมาถามอาการของหน่อง
บริษัทนี้ดีมากเลย ห่วงใยพนักงาน มีการโทรมาถามไถ่อาการของหน่องด้วย ผมคิดชื่นชมอยู่ในใจ
ครับ อาการดีขึ้นแล้วครับ พึ่งได้ย้ายออกมาจากห้องคลอดพิเศษมาอยู่ห้องพักปกติเอง แต่ยังคงต้องอยู่แต่บนเตียงเหมือนเดิม และยังคงต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ครับ ผมอธิบาย
ทางบริษัทอยากแจ้งว่าเรื่องลาไม่ต้องห่วงนะคะ ทางบริษัทให้สิทธิ์ลาได้ ฝ่ายบุคคลบอก
ขอบคุณมากครับ ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ผมพูด
ทางเราเองอยากจะขอเยี่ยมคุณอาภาพรหน่อยคะ ไม่ทราบว่าพักอยู่ตึกไหน ห้องไหนคะ ฝ่ายบุคคลถาม
จริงๆยังเยี่ยมไม่ได้นะครับ เพราะยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังอยู่เลย คุณหมอยังไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมนอกจากผมและทางคุณพ่อคุณแม่ครับ ผมบอก
คือทางเราอยากไปพบคุณอาภาพร เพื่อจะได้อธิบายสวัสดิการต่างๆที่คุณอาภาพรจะได้รับพร้อมเอกสารที่คุณอาภาพรสามารถไปอ่านเองต่อได้ค่ะ ฝ่ายบุคคลอธิบาย
ผมเงียบไปนิดนึง................ก่อนจะตอบว่า เอ! เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมไปเอาเอกสารที่บริษัทเองก็ได้ครับ ทางฝ่ายบุคคลจะได้ไม่ต้องมาถึงศิริราช อยู่ตรงอโศกนี่เองแถวบ้านผมอยู่แล้ว เดี๋ยววันไหนผมแวะไปเอาก็ได้ ไม่ทราบว่าสะดวกวันไหนครับ
ผมตอบไปแบบนั้นเพราะไม่คิดว่าทางฝ่ายบุคคลจะฝ่ารถติดมาเพื่อเรื่องแค่นี้ทำไม จะเยี่ยมก็คงไม่ได้เยี่ยมอยู่แล้ว
ไม่เป็นไรค่ะ ทางเราอยากมาเยี่ยมคุณอาภาพรด้วยตัวเอง ฝ่ายบุคคลบอก
แต่หมอยังไม่ให้ใครรบกวนนะครับ ผมตอบด้วยความงงๆแต่ผมก็พอประเมินได้ว่าอยู่ดีๆหน่องหายไปไม่ทำงานมากว่าสองเดือนแล้ว ถ้าทางฝ่ายบุคคลอยากมาเยี่ยมบ้างก็คงไม่แปลกอะไรหรอก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่สิ่งที่ผมเป็นกังวลที่สุดคืออาการของหน่องมากกว่า แม้ว่าหน่องจะเลยช่วงลุ้นมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าสามารถให้ลูกอยู่ในท้องให้นานที่สุดจนถึงวันที่ครบกำหนดคลอดจริงๆ เราก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ แต่ไม่ว่าผมจะบอกว่ายังเยี่ยมไม่ได้ยังไงทางฝ่ายบุคคลก็ยังยืนยันที่จะมาเยี่ยมให้ได้จนผมขอไปปรึกษาคุณหมอก่อนว่ามีคนมาเยี่ยมหน่องได้หรือยัง
คุณหมอเองก็มองว่าอาการของหน่องดีขึ้นเยอะแล้ว ถ้าหน่องอยู่ได้อย่างผ่อนคลายไม่เครียด หน่องก็ควรจะกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเดิม ถ้าจะมีใครมาเยี่ยมก็น่าจะมาเยี่ยมได้แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเฝ้าระวังไปด้วย เมื่อได้รับคำยืนยันจากคุณหมอแล้ว ผมเลยตัดสินใจโทรไปนัดวันที่ฝ่ายบุคคลจะมาเยี่ยมหน่องและแน่นอนครับว่าผมต้องอยู่ด้วย
ทางฝ่ายบุคคลมากันสองคน เป็นช่วงเวลาที่หน่องกำลังพักผ่อนนอนหลับอยู่พอดี ผมและฝ่ายบุคคลเลยมานั่งคุยกันก่อน ทางฝ่ายบุคคลได้พิมพ์รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการลาให้ผมดู เป็นเอกสารประมาณ 2 หน้าด้วยกัน และผมได้อธิบายโดยละเอียดว่าหน่องผ่านอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการ
คุยกันไปสักพักหน่องก็ตื่นพอดี เลยเป็นโอกาสที่ทางฝ่ายบุคคลได้เจอหน่องและพูดคุยกันเป็นครั้งแรก
สวัสดีค่ะ ฝ่าัสดีค่ะ มากันนานแล้วยังค่ะ หน่องถาม
ไม่นานค่ะ เมื่อกี้ได้ฝากเอกสารไว้กับทางสามีคุณอาภาพรแล้วนะค่ะ เกี่ยวกับการลาที่คุณอาภาพรสามารถใช้ได้ ฝ่ายบุคคลพูดพร้อมกับมองมาทางผม
นี่ไงอยู่ที่พี่แล้ว ผมบอกหน่องพร้อมชูเอกสารให้หน่องเห็น
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างค่ะ ฝ่ายบุคคลถาม
ก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่หมอยังไม่ให้ลุกจากเตียงเหมือนเดิม หน่องบอกด้วยสีหน้าที่รู้สึกแย่กับตัวเองนิดๆ
ขอบคุณมากค่ะ มาเยี่ยมถึงที่เลย ดูซิดันมาเยี่ยมตอนหน่องโทรมสุดๆเลย หน่องพูดพร้อมกับยิ้มแบบเจื่อนๆให้กับทางฝ่ายบุคคลที่มาเยี่ยมเยียนหน่องถึงที่ ขณะที่ผมพึ่งสังเกตจริงๆว่าหน่องโทรมไปพอสมควร ผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลผิวพรรณและผมของตัวเองได้เหมือนปกติ
ไม่เป็นไรค่ะ ตั้งใจมาเยี่ยมจริงๆ ฝ่ายบุคคลพูด
คุณอาภาพรเข้ามาที่นี่ตอนอายุครรภ์กี่สัปดาห์ค่ะ ฝ่ายบุคคลถาม
26 สัปดาห์ค่ะ ตอนนั้นหน่องแย่มากเลย ปวดท้องมากๆ ต้องให้แฟนรีบขับรถมารับเลย หน่องเล่า
จากนั้นทางฝ่ายบุคคลก็เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆที่หน่องต้องมาอยู่ที่ศิริราชด้วยความเห็นอกเห็นใจในความเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน แต่มันเหมือนว่ายิ่งเล่าหน่องก็ยิ่งอินกลับไปรื้อฟื้นบรรยากาศเศร้าๆในช่วงนั้นให้กลับมาโดยเฉพาะช่วงที่หน่องเป็นเยอะมากๆจนเกือบจะเสียลูกไปในเวลานั้น .............................................. แล้วหน่องก็เริ่มน้ำตาซึมๆและก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหน่องก็หยุดคุยกะทันหัน ............... ผมเห็นหน้าหน่องผมรู้ทันทีว่าหน่องมีอาการท้องแข็งอีกแล้วแน่ๆ
ผมรีบตัดบททันที พอดีกว่าครับ ขอให้ภรรยาผมพักผ่อนต่อดีกว่า
ผมหันไปมองทางฝ่ายบุคคลด้วยอารมณ์ที่ไม่สบายใจกับการที่เห็นหน่องมีอาการแบบนี้อีก ซึ่งทางฝ่ายบุคคลก็เข้าใจก็รีบขอลากลับโดยทันที และเมื่อทางฝ่ายบุคคลกลับไปแล้วสักพัก
หน่องโอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้วพี่ หน่องรีบบอกเพื่อให้ผมสบายใจ
ผมได้ข้อสรุปทันทีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น มันบอกให้ผมรู้ทันทีว่าหน่องไม่พร้อมที่จะกลับบ้านแน่นอน ภูเขาไฟที่รอเวลาจะปะทุยังคงอยู่ภายในตัวหน่อง และจากวันนั้นเองไม่ว่าใครก็ตามจะมาขอเยี่ยมหน่อง ................... เยี่ยมได้ครับ แต่จะต้องผ่านการคุยกับพี่ตี้ก่อน พี่ตี้จะมีกฎเหล็กที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูดกับหน่อง โดยมีจุดประสงค์เดียวคือ การมาเยี่ยมหน่องก็เพื่อให้หน่องรู้สึกดีรู้สึกสบายใจมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆ ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆหรือใครๆจะมาซักไซ้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้หน่องรู้สึกเครียดขึ้นมาอีก
ผมรู้เลยครับว่าผมจริงจังมากช่วงนั้น ผมพยายามบอกหน่องเสมอว่า อีกนิดเดียวเอง อดทนอีกนิดเดียว โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าหน่องจะต้องอดทนอยู่สภาพแบบนี้อีกนานเท่าไร แต่ที่ผมรู้คือหน่องอยู่มา 2 เดือนกว่าแล้วยังไงก็ไม่เกินหนึ่งเดือนจากนี้แน่นอน และผมก็ให้กำลังใจของผมทุกวัน มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถให้ได้จริงๆ
ถ้าผมต้องประเมินตัวเองว่าเท่าที่ผ่านมาผมทำได้ดีแค่ไหน ผมไม่มีคำตอบหรอก ผมรู้แต่ว่าทุกอย่างที่ผมทำผมทำด้วยความตั้งใจ มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ผมก็พอใจในทุกๆ สิ่งที่ผมได้ทำนะ ถึงแม้ปฏิกิริยารอบข้างที่ได้รับ ไม่ว่าจะจากหน่อง เพื่อนหน่อง พ่อแม่หน่อง เพื่อนร่วมงานหน่อง เพื่อนร่วมงานผมจะเป็นยังไงก็ตาม มีหลายๆคนมาถามไถ่เกี่ยวกับอาการของหน่องและอยากรู้ว่าอาการหน่องเป็นยังไง ซึ่งสิ่งที่ผมเจอมีทั้งในแง่ดีประสงค์ดีและในแง่กลับกันก็มี จนทำให้ผมรู้ลึกซึ้งเลยว่าคนมันมีหลายแบบหลายความคิด ยิ่งในเวลาแบบนี้ก็จะยิ่งเจอ บทเรียนที่จะเรียนรู้คนก็ช่วงนี้ละ
ผมเข้าใจ แต่ละคนก็มีความคิดเห็นต่างๆนาๆ มีทั้งคนคิดดี คนเป็นห่วง และมีทั้งคนที่คิดว่าหน่องแกล้งหรือเปล่าจะได้ไม่ต้องทำงาน ก็ยังมี บางคนก็รู้สึกว่าทำไมหน่องไม่กลับบ้านทั้งๆที่ไม่ต้องให้ยาคลายมดลูกเกร็งตัวแล้ว ทำไมต้องมากินที่โรงพยาบาลด้วย..... คือคนไม่เจอกับตัวเอง จะไม่รู้หรอกครับ ถ้ากลับบ้านได้เราก็คงกลับไปแล้วล่ะ มันไม่ได้เหมือนคนไม่สบายกินยาแล้วก็กลับบ้านไปนอนพักผ่อนได้ หลายๆครั้งในช่วงนี้ที่ดูเหมือนน่าจะดีขึ้นแล้ว สักพักก็จะมีอาการมดลูกเกร็งตัวที่ทำให้ต้องเฝ้าระวังกันต่อเสมอๆ บางครั้งหลายๆ เรื่องมันไร้สาระมากๆ ผมก็ไม่ต้องการให้คำพูดพวกนั้นมาทำให้หน่องเครียดอีก ผมยังเป็นคนเก็บมือถือของหน่องไว้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่ตรงนี้ เป็นด่านกั้นอยู่ตรงนี้ เพราะผมไม่ต้องการให้เรื่องวุ่นวาย คิดต่างเห็นต่าง มาทำให้หน่องว้าวุ่นใจ ขอแค่หน่องทำหน้าที่ตรงนี้ ดูแลลูกได้แบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว
จริงๆแล้ว ถ้ามาลองคิดๆดู ถึงแม้ว่าหน่องจะสามารถกลับบ้านไปก็เถอะ ที่บ้านผมจะมีคุณแม่และหลานชายอีก 2 คนเท่านั้น ไอ้การที่ผมจะปล่อยให้คุณแม่และหลานๆผมคอยดูแลหน่องระหว่างที่ผมไปทำงานก็ดูจะเสี่ยงอยู่เช่นกัน ถ้าเกิดหน่องน้ำเดินขึ้นมา จะกลับมาที่โรงพยาบาลกันยังไง พยุงกันยังไง จะต้องรอผมกลับมาจากที่ทำงานที่อยู่แถวเมืองทอง ถนนแจ้งวัฒนะกลับมาที่บ้านที่อยู่แถวสวนพลูแล้วค่อยไปที่ศิริราชกันหรือ แค่คิดผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้แล้วละ
และในช่วงสัปดาห์ท้ายๆนี่เอง เมื่อเรื่องราวต่างๆเริ่มคลี่คลาย หน่องเองก็เริ่มมีแรงบันดาลใจหลายๆอย่างขึ้นมา หน่องเป็นคนที่ชอบถักโครเชต์มาก มี Facebook Page เองด้วยนะ หน่องใช้ชื่อว่า Animal Farm Crochet สำหรับไว้แสดงงานถักฝีมือของตัวเอง มีวันหนึ่งหน่องขอให้ผมไปเอาอุปกรณ์ในการถักจากที่บ้านมาให้ โดยขอให้ผมช่วยไปเอาไหมพรมตามสีต่างๆที่หน่องต้องการ หน่องบอกผมได้ละเอียดมาก หน่องสามารถบอกเป็นรหัสของโทนสีที่หน่องต้องการได้ชัดเจนมาก คือสามารถทำให้คนไม่รู้เรื่องไหมพรมอย่างพี่ตี้ไปเอาไหมพรมให้หน่องได้ครบตามสีที่หน่องบอกไว้ สุดยอดจริงๆครับ ถ้าเป็นเรื่องของการถักโครเชต์แล้วละก็หน่องจำได้หมดเลย :)
เมื่อมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบมือ หน่องก็กลับมาประดิษฐ์งานฝีมืออีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน หน่องไม่เคยมีแบบไว้ถักตามเพราะหน่องจะคิดแบบที่หน่องอยากถักขึ้นมาเอง ผลงานคราวนี้เป็นผลงานแนวคุณหมีใส่ชุดผ่าตัด เข้ากับบรรยากาศในโรงพยาบาลได้ดีแท้ เป็นงานที่เกิดจากแรงบันดาลใจส่วนตัวของหน่องเองๆ :)
หน่องใช้เวลาในการถักไม่ถึงสามวัน ถักส่วนหัว ส่วนตัว ส่วนแขนขา ส่วนปาก ส่วนเสื้อผ้าและหมวก พร้อมกับยัดนุ่นเสร็จสรรพ หลังจากที่หน่องถักเสร็จ หน่องเลยตัดสินใจมอบตุ๊กตาหมีผ่าตัดตัวนี้ให้คุณหมอเจ้าของไข้ของหน่อง ผู้เป็นทั้งคุณหมอที่แสนเข้มงวดและพี่ชายที่แสนใจดีที่ดูแลหน่องมาโดยตลอด สำหรับผมแล้วตุ๊กตาตัวนี้ เป็นผลงานที่มาจากแรงบันดาลใจที่หน่องต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ มันเหมาะที่สุดแล้วที่คุณหมอเจ้าของไข้ของหน่องเอง
ฝีมือในการถักของหน่องก็พอจะเรียกเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่พยาบาลด้วยกันพอสมควร จะมีคนมาแวะเวียนชื่นชมผลงานอื่นๆที่หน่องถักเอาไว้ในช่วงนั้นด้วย จนถึงกับมีหลายๆคนมาขอวิชากับหน่องด้วยซึ่งหน่องก็เต็มใจสอนพยาบาลทุกคนเลย :)
ผมเองรู้สึกดีนะที่เห็นหน่องมีความสุข ได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง
อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ...........................
หน่องมีอายุครรภ์ที่ 36 สัปดาห์แล้ว ผมก็อยากเอาใจภรรยาที่ขณะนี้ท้องใหญ่มากทีเดียว ผมเลยลองไปติดต่อคุณเปิ้ล ช่างตัดผมที่หน่องเป็นลูกค้าประจำดู เพราะผมเห็นแล้วว่าหน่องบ่นว่าตัวเองผมเผ้ารุงรัง ไม่มีโอกาสแม้จะได้ไปตัดผม แถมยังมีความเชื่อที่ว่า หลังคลอดห้ามสระผมเป็นเวลา 1 เดือนอีกต่างหาก เรียกได้ว่าคงอีกนานกว่าจะได้ตัดผมให้เข้ารูปเข้ารอย
ผมเลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าอยากให้คุณเปิ้ลมาตัดผมให้หน่องที่ศิริราชเลย หน่องคงจะดีใจแน่ๆเลย โดยที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเปิ้ลจะโอเคหรือเปล่า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจไปหาคุณเปิ้ลถึงที่ร้านเลยเพื่อที่จะพูดคุยและถามถึงความเป็นไปได้ที่คุณเปิ้ลจะมาตัดผมนอกสถานที่ให้ คือในใจผมคิดว่าถ้าจะต้องจ่ายมากกว่าปกติผมก็เต็มใจอยู่แล้ว แต่พอคุณเปิ้ลได้ยินเรื่องราวที่หน่องอยู่ศิริราชแบบนี้
เปิ้ลไปได้ค่ะ คุณเปิ้ลตอบแบบนิ่งๆ
แต่เปิ้ลแค่อยากมาเยี่ยมคุณหน่อง ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ต้องมาพูดเรื่องเงินหรอกค่ะ คุณเปิ้ลตอบทันที แบบเต็มใจ
คุณเปิ้ลมีรถและปกติจะขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง ทีแรกผมก็เป็นห่วงอยู่ว่าคุณเปิ้ลจะมาถูกไหมเพราะไม่เคยมา รถก็ติด แถมพอมาถึงแล้วก็ต้องเสียเวลาไปหาที่จอดรถอีก ซึ่งมันเป็นอุปสรรคของการเดินทางมาที่ศิริราชจริงๆ แต่คุณเปิ้ลแก้ปัญหาด้วยการนั่ง Taxi จาก Central ปิ่นเกล้ามาเลยและมาได้ตรงเวลาตามที่นัดไว้เป๊ะมากๆ
และคุณเปิ้ลก็ได้มาตัดผมให้หน่องจริงๆ เป็น Surprise ที่ผมไม่ได้บอกหน่องก่อนด้วย หน่องทั้งแปลกใจและดีใจใหญ่เลย คุณเปิ้ลมาพร้อมกับอุปกรณ์การตัดผม ผ้าคลุมตัดผม จัดมาครบเลย มาแบบมือโปรจริงๆ แต่การตัดผมแบบนี้คงตัดบนเตียงไม่ได้แน่นอน ผมเลยค่อยๆพยุงหน่องมานั่งที่เก้าอี้เพื่อให้ตัดผมได้ง่ายขึ้น และการมาของคุณเปิ้ลก็ทำให้พยาบาลฮือฮาไปด้วยว่ามีช่างตัดผมมาตัดผมให้คนไข้ถึงในโรงพยาบาล :)
สิ่งที่ผมทำไปเพียงแค่ต้องการให้หน่องมีความสุข ไม่มีอะไรลึกซึ้งมากไปกว่านี้ ผมคิดแต่ว่าอะไรที่ผมสามารถทำให้หน่องมีความสุขได้ สร้างรอยยิ้มหน่องได้ผมก็พร้อมทำเสมอ โดยที่ผมไม่รู้เลยจริงๆว่า เพียงสองวันหลังจากที่ตัดผมไป วันนั้นเป็นวันที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 37 ของหน่องพอดิบพอดี มันจะเป็นวันที่เราทั้งคู่รอคอยมาถึงแล้ว การรอคอยของเราสิ้นสุดลงแล้วครับ
ครั้งหนึ่งที่ศิริราช - ตอนที่ อีกนิดเดียวเอง
บทนำ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12829259/W12829259.html
ตอนที่ 1 พาภรรยามาศิริราชเดี๋ยวนี้ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12832639/W12832639.html
ตอนที่ 2 ค่ำคืนที่แสนยาวนาน - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12842042/W12842042.html
ตอนที่ 3 ถ้ามาช้าไปหนึ่งวัน - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12857797/W12857797.html
ตอนที่ 4 สามวันกลับบ้านได้จริงหรือ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12868805/W12868805.html
ตอนที่ 5 ความเครียดที่มองไม่เห็น - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12890910/W12890910.html
ตอนที่ 6 ความกดดันนี่มันหนักจริงๆ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12903209/W12903209.html
ตอนที่ 7 Stand by Me - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12917721/W12917721.html
ตอนที่ 8 นับหนึ่งกันใหม่ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W12948984/W12948984.html
ตอนที่ 9 เป้าหมายข้างหน้ายังคงชัดเจน - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13015139/W13015139.html
ตอนที่ 10 ย้ายห้องอีกรอบ - http://www.ppantip.com/cafe/writer/topic/W13055442/W13055442.html
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 11 อีกนิดเดียวเอง
อยากให้ผู้อ่านทุกคนลองจินตนาการกันนิดนึง ลองสมมติว่าตัวคุณเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ดูเผินๆคุณดูสบายดีไม่มีอะไรน่าห่วง คุณลืมตาขึ้น มองไปรอบๆห้อง คุณจะพบว่าคุณอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง เป็นห้องพักผู้ป่วย มีเตียง มีโซฟา 1 ตัว มีทีวีแต่ดูไม่ได้ มีห้องน้ำในตัวแต่ไม่ได้ใช้ คุณไม่มีสิทธิ์ออกไปไหน คุณเดินเองไม่ได้ คุณต้องอยู่แต่ห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิม จะว่าไปแล้วเตียงที่คุณกำลังนอนเป็นอาณาเขตทั้งหมดที่คุณมี สิ่งที่คุณทำได้คือนั่งๆนอนๆอยู่บนเตียง แล้วลองนึกซิว่า คุณลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่แต่ในห้องนี้ทุกๆวัน ภาพแบบเดิมๆ มุมแบบเดิมๆทุกๆวัน และถ้าคุณต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นมา 9 อาทิตย์ติดต่อกัน ขอถามว่าถ้าคุณเลือกได้คุณอยากกลับบ้านไหมครับ..........................
ถึงเวลานี้ สัปดาห์ที่ 35 เราอยากเลือกได้เหมือนกันครับ อาการของหน่องที่ดูดีขึ้น ไม่มีอะไรน่าห่วงมาก และเรายังไม่รู้เลยว่าหน่องจะคลอดเมื่อไร อาจจะเป็นได้ทุกๆอาทิตย์ต่อจากนี้ หน่องอาจจะคลอดตอนอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อีกตั้ง 5 อาทิตย์แนะ งั้นเราจะอยู่ที่ศิริราชต่อทำไม สู้ไปพักผ่อนต่อที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ ..................................นี่เป็นสิ่งที่ผมเริ่มคิดครับ เพราะถ้าถามหน่อง หน่องจะบอกทันทีเลยว่า หน่องอยากกลับบ้าน ....................................คำตอบมันชัดเจนมากครับ
แต่เหตุการณ์ในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง ความคิดผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ...................................................................
มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผมในช่วงบ่ายๆ เป็นช่วงที่ผมอยู่ที่ทำงาน กำลังรีบปั่นงานให้เสร็จอยู่ เพื่อจะได้รีบออกจากที่ทำงานกลับไปหาภรรยาของผมที่ศิริราช...................................ผมรีบรับสาย
ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมพูด
สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจากฝ่ายบุคคลของบริษัทที่คุณอาภาพรทำงานอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอาภาพรอาการเป็นยังไงบ้างคะ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าผมได้มีการโทรไปลากับทางหัวหน้างานของหน่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องคงถึงฝ่ายบุคคลแล้วเลยโทรมาถามอาการของหน่อง
บริษัทนี้ดีมากเลย ห่วงใยพนักงาน มีการโทรมาถามไถ่อาการของหน่องด้วย ผมคิดชื่นชมอยู่ในใจ
ครับ อาการดีขึ้นแล้วครับ พึ่งได้ย้ายออกมาจากห้องคลอดพิเศษมาอยู่ห้องพักปกติเอง แต่ยังคงต้องอยู่แต่บนเตียงเหมือนเดิม และยังคงต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ครับ ผมอธิบาย
ทางบริษัทอยากแจ้งว่าเรื่องลาไม่ต้องห่วงนะคะ ทางบริษัทให้สิทธิ์ลาได้ ฝ่ายบุคคลบอก
ขอบคุณมากครับ ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ผมพูด
ทางเราเองอยากจะขอเยี่ยมคุณอาภาพรหน่อยคะ ไม่ทราบว่าพักอยู่ตึกไหน ห้องไหนคะ ฝ่ายบุคคลถาม
จริงๆยังเยี่ยมไม่ได้นะครับ เพราะยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังอยู่เลย คุณหมอยังไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมนอกจากผมและทางคุณพ่อคุณแม่ครับ ผมบอก
คือทางเราอยากไปพบคุณอาภาพร เพื่อจะได้อธิบายสวัสดิการต่างๆที่คุณอาภาพรจะได้รับพร้อมเอกสารที่คุณอาภาพรสามารถไปอ่านเองต่อได้ค่ะ ฝ่ายบุคคลอธิบาย
ผมเงียบไปนิดนึง................ก่อนจะตอบว่า เอ! เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมไปเอาเอกสารที่บริษัทเองก็ได้ครับ ทางฝ่ายบุคคลจะได้ไม่ต้องมาถึงศิริราช อยู่ตรงอโศกนี่เองแถวบ้านผมอยู่แล้ว เดี๋ยววันไหนผมแวะไปเอาก็ได้ ไม่ทราบว่าสะดวกวันไหนครับ
ผมตอบไปแบบนั้นเพราะไม่คิดว่าทางฝ่ายบุคคลจะฝ่ารถติดมาเพื่อเรื่องแค่นี้ทำไม จะเยี่ยมก็คงไม่ได้เยี่ยมอยู่แล้ว
ไม่เป็นไรค่ะ ทางเราอยากมาเยี่ยมคุณอาภาพรด้วยตัวเอง ฝ่ายบุคคลบอก
แต่หมอยังไม่ให้ใครรบกวนนะครับ ผมตอบด้วยความงงๆแต่ผมก็พอประเมินได้ว่าอยู่ดีๆหน่องหายไปไม่ทำงานมากว่าสองเดือนแล้ว ถ้าทางฝ่ายบุคคลอยากมาเยี่ยมบ้างก็คงไม่แปลกอะไรหรอก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่สิ่งที่ผมเป็นกังวลที่สุดคืออาการของหน่องมากกว่า แม้ว่าหน่องจะเลยช่วงลุ้นมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าสามารถให้ลูกอยู่ในท้องให้นานที่สุดจนถึงวันที่ครบกำหนดคลอดจริงๆ เราก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ แต่ไม่ว่าผมจะบอกว่ายังเยี่ยมไม่ได้ยังไงทางฝ่ายบุคคลก็ยังยืนยันที่จะมาเยี่ยมให้ได้จนผมขอไปปรึกษาคุณหมอก่อนว่ามีคนมาเยี่ยมหน่องได้หรือยัง
คุณหมอเองก็มองว่าอาการของหน่องดีขึ้นเยอะแล้ว ถ้าหน่องอยู่ได้อย่างผ่อนคลายไม่เครียด หน่องก็ควรจะกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเดิม ถ้าจะมีใครมาเยี่ยมก็น่าจะมาเยี่ยมได้แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเฝ้าระวังไปด้วย เมื่อได้รับคำยืนยันจากคุณหมอแล้ว ผมเลยตัดสินใจโทรไปนัดวันที่ฝ่ายบุคคลจะมาเยี่ยมหน่องและแน่นอนครับว่าผมต้องอยู่ด้วย
ทางฝ่ายบุคคลมากันสองคน เป็นช่วงเวลาที่หน่องกำลังพักผ่อนนอนหลับอยู่พอดี ผมและฝ่ายบุคคลเลยมานั่งคุยกันก่อน ทางฝ่ายบุคคลได้พิมพ์รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการลาให้ผมดู เป็นเอกสารประมาณ 2 หน้าด้วยกัน และผมได้อธิบายโดยละเอียดว่าหน่องผ่านอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการ
คุยกันไปสักพักหน่องก็ตื่นพอดี เลยเป็นโอกาสที่ทางฝ่ายบุคคลได้เจอหน่องและพูดคุยกันเป็นครั้งแรก
สวัสดีค่ะ ฝ่าัสดีค่ะ มากันนานแล้วยังค่ะ หน่องถาม
ไม่นานค่ะ เมื่อกี้ได้ฝากเอกสารไว้กับทางสามีคุณอาภาพรแล้วนะค่ะ เกี่ยวกับการลาที่คุณอาภาพรสามารถใช้ได้ ฝ่ายบุคคลพูดพร้อมกับมองมาทางผม
นี่ไงอยู่ที่พี่แล้ว ผมบอกหน่องพร้อมชูเอกสารให้หน่องเห็น
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างค่ะ ฝ่ายบุคคลถาม
ก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่หมอยังไม่ให้ลุกจากเตียงเหมือนเดิม หน่องบอกด้วยสีหน้าที่รู้สึกแย่กับตัวเองนิดๆ
ขอบคุณมากค่ะ มาเยี่ยมถึงที่เลย ดูซิดันมาเยี่ยมตอนหน่องโทรมสุดๆเลย หน่องพูดพร้อมกับยิ้มแบบเจื่อนๆให้กับทางฝ่ายบุคคลที่มาเยี่ยมเยียนหน่องถึงที่ ขณะที่ผมพึ่งสังเกตจริงๆว่าหน่องโทรมไปพอสมควร ผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลผิวพรรณและผมของตัวเองได้เหมือนปกติ
ไม่เป็นไรค่ะ ตั้งใจมาเยี่ยมจริงๆ ฝ่ายบุคคลพูด
คุณอาภาพรเข้ามาที่นี่ตอนอายุครรภ์กี่สัปดาห์ค่ะ ฝ่ายบุคคลถาม
26 สัปดาห์ค่ะ ตอนนั้นหน่องแย่มากเลย ปวดท้องมากๆ ต้องให้แฟนรีบขับรถมารับเลย หน่องเล่า
จากนั้นทางฝ่ายบุคคลก็เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆที่หน่องต้องมาอยู่ที่ศิริราชด้วยความเห็นอกเห็นใจในความเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน แต่มันเหมือนว่ายิ่งเล่าหน่องก็ยิ่งอินกลับไปรื้อฟื้นบรรยากาศเศร้าๆในช่วงนั้นให้กลับมาโดยเฉพาะช่วงที่หน่องเป็นเยอะมากๆจนเกือบจะเสียลูกไปในเวลานั้น .............................................. แล้วหน่องก็เริ่มน้ำตาซึมๆและก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหน่องก็หยุดคุยกะทันหัน ............... ผมเห็นหน้าหน่องผมรู้ทันทีว่าหน่องมีอาการท้องแข็งอีกแล้วแน่ๆ
ผมรีบตัดบททันที พอดีกว่าครับ ขอให้ภรรยาผมพักผ่อนต่อดีกว่า
ผมหันไปมองทางฝ่ายบุคคลด้วยอารมณ์ที่ไม่สบายใจกับการที่เห็นหน่องมีอาการแบบนี้อีก ซึ่งทางฝ่ายบุคคลก็เข้าใจก็รีบขอลากลับโดยทันที และเมื่อทางฝ่ายบุคคลกลับไปแล้วสักพัก
หน่องโอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้วพี่ หน่องรีบบอกเพื่อให้ผมสบายใจ
ผมได้ข้อสรุปทันทีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น มันบอกให้ผมรู้ทันทีว่าหน่องไม่พร้อมที่จะกลับบ้านแน่นอน ภูเขาไฟที่รอเวลาจะปะทุยังคงอยู่ภายในตัวหน่อง และจากวันนั้นเองไม่ว่าใครก็ตามจะมาขอเยี่ยมหน่อง ................... เยี่ยมได้ครับ แต่จะต้องผ่านการคุยกับพี่ตี้ก่อน พี่ตี้จะมีกฎเหล็กที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูดกับหน่อง โดยมีจุดประสงค์เดียวคือ การมาเยี่ยมหน่องก็เพื่อให้หน่องรู้สึกดีรู้สึกสบายใจมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆ ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆหรือใครๆจะมาซักไซ้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้หน่องรู้สึกเครียดขึ้นมาอีก
ผมรู้เลยครับว่าผมจริงจังมากช่วงนั้น ผมพยายามบอกหน่องเสมอว่า อีกนิดเดียวเอง อดทนอีกนิดเดียว โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าหน่องจะต้องอดทนอยู่สภาพแบบนี้อีกนานเท่าไร แต่ที่ผมรู้คือหน่องอยู่มา 2 เดือนกว่าแล้วยังไงก็ไม่เกินหนึ่งเดือนจากนี้แน่นอน และผมก็ให้กำลังใจของผมทุกวัน มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถให้ได้จริงๆ
ถ้าผมต้องประเมินตัวเองว่าเท่าที่ผ่านมาผมทำได้ดีแค่ไหน ผมไม่มีคำตอบหรอก ผมรู้แต่ว่าทุกอย่างที่ผมทำผมทำด้วยความตั้งใจ มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ผมก็พอใจในทุกๆ สิ่งที่ผมได้ทำนะ ถึงแม้ปฏิกิริยารอบข้างที่ได้รับ ไม่ว่าจะจากหน่อง เพื่อนหน่อง พ่อแม่หน่อง เพื่อนร่วมงานหน่อง เพื่อนร่วมงานผมจะเป็นยังไงก็ตาม มีหลายๆคนมาถามไถ่เกี่ยวกับอาการของหน่องและอยากรู้ว่าอาการหน่องเป็นยังไง ซึ่งสิ่งที่ผมเจอมีทั้งในแง่ดีประสงค์ดีและในแง่กลับกันก็มี จนทำให้ผมรู้ลึกซึ้งเลยว่าคนมันมีหลายแบบหลายความคิด ยิ่งในเวลาแบบนี้ก็จะยิ่งเจอ บทเรียนที่จะเรียนรู้คนก็ช่วงนี้ละ
ผมเข้าใจ แต่ละคนก็มีความคิดเห็นต่างๆนาๆ มีทั้งคนคิดดี คนเป็นห่วง และมีทั้งคนที่คิดว่าหน่องแกล้งหรือเปล่าจะได้ไม่ต้องทำงาน ก็ยังมี บางคนก็รู้สึกว่าทำไมหน่องไม่กลับบ้านทั้งๆที่ไม่ต้องให้ยาคลายมดลูกเกร็งตัวแล้ว ทำไมต้องมากินที่โรงพยาบาลด้วย..... คือคนไม่เจอกับตัวเอง จะไม่รู้หรอกครับ ถ้ากลับบ้านได้เราก็คงกลับไปแล้วล่ะ มันไม่ได้เหมือนคนไม่สบายกินยาแล้วก็กลับบ้านไปนอนพักผ่อนได้ หลายๆครั้งในช่วงนี้ที่ดูเหมือนน่าจะดีขึ้นแล้ว สักพักก็จะมีอาการมดลูกเกร็งตัวที่ทำให้ต้องเฝ้าระวังกันต่อเสมอๆ บางครั้งหลายๆ เรื่องมันไร้สาระมากๆ ผมก็ไม่ต้องการให้คำพูดพวกนั้นมาทำให้หน่องเครียดอีก ผมยังเป็นคนเก็บมือถือของหน่องไว้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่ตรงนี้ เป็นด่านกั้นอยู่ตรงนี้ เพราะผมไม่ต้องการให้เรื่องวุ่นวาย คิดต่างเห็นต่าง มาทำให้หน่องว้าวุ่นใจ ขอแค่หน่องทำหน้าที่ตรงนี้ ดูแลลูกได้แบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว
จริงๆแล้ว ถ้ามาลองคิดๆดู ถึงแม้ว่าหน่องจะสามารถกลับบ้านไปก็เถอะ ที่บ้านผมจะมีคุณแม่และหลานชายอีก 2 คนเท่านั้น ไอ้การที่ผมจะปล่อยให้คุณแม่และหลานๆผมคอยดูแลหน่องระหว่างที่ผมไปทำงานก็ดูจะเสี่ยงอยู่เช่นกัน ถ้าเกิดหน่องน้ำเดินขึ้นมา จะกลับมาที่โรงพยาบาลกันยังไง พยุงกันยังไง จะต้องรอผมกลับมาจากที่ทำงานที่อยู่แถวเมืองทอง ถนนแจ้งวัฒนะกลับมาที่บ้านที่อยู่แถวสวนพลูแล้วค่อยไปที่ศิริราชกันหรือ แค่คิดผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้แล้วละ
และในช่วงสัปดาห์ท้ายๆนี่เอง เมื่อเรื่องราวต่างๆเริ่มคลี่คลาย หน่องเองก็เริ่มมีแรงบันดาลใจหลายๆอย่างขึ้นมา หน่องเป็นคนที่ชอบถักโครเชต์มาก มี Facebook Page เองด้วยนะ หน่องใช้ชื่อว่า Animal Farm Crochet สำหรับไว้แสดงงานถักฝีมือของตัวเอง มีวันหนึ่งหน่องขอให้ผมไปเอาอุปกรณ์ในการถักจากที่บ้านมาให้ โดยขอให้ผมช่วยไปเอาไหมพรมตามสีต่างๆที่หน่องต้องการ หน่องบอกผมได้ละเอียดมาก หน่องสามารถบอกเป็นรหัสของโทนสีที่หน่องต้องการได้ชัดเจนมาก คือสามารถทำให้คนไม่รู้เรื่องไหมพรมอย่างพี่ตี้ไปเอาไหมพรมให้หน่องได้ครบตามสีที่หน่องบอกไว้ สุดยอดจริงๆครับ ถ้าเป็นเรื่องของการถักโครเชต์แล้วละก็หน่องจำได้หมดเลย :)
เมื่อมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบมือ หน่องก็กลับมาประดิษฐ์งานฝีมืออีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน หน่องไม่เคยมีแบบไว้ถักตามเพราะหน่องจะคิดแบบที่หน่องอยากถักขึ้นมาเอง ผลงานคราวนี้เป็นผลงานแนวคุณหมีใส่ชุดผ่าตัด เข้ากับบรรยากาศในโรงพยาบาลได้ดีแท้ เป็นงานที่เกิดจากแรงบันดาลใจส่วนตัวของหน่องเองๆ :)
หน่องใช้เวลาในการถักไม่ถึงสามวัน ถักส่วนหัว ส่วนตัว ส่วนแขนขา ส่วนปาก ส่วนเสื้อผ้าและหมวก พร้อมกับยัดนุ่นเสร็จสรรพ หลังจากที่หน่องถักเสร็จ หน่องเลยตัดสินใจมอบตุ๊กตาหมีผ่าตัดตัวนี้ให้คุณหมอเจ้าของไข้ของหน่อง ผู้เป็นทั้งคุณหมอที่แสนเข้มงวดและพี่ชายที่แสนใจดีที่ดูแลหน่องมาโดยตลอด สำหรับผมแล้วตุ๊กตาตัวนี้ เป็นผลงานที่มาจากแรงบันดาลใจที่หน่องต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ มันเหมาะที่สุดแล้วที่คุณหมอเจ้าของไข้ของหน่องเอง
ฝีมือในการถักของหน่องก็พอจะเรียกเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่พยาบาลด้วยกันพอสมควร จะมีคนมาแวะเวียนชื่นชมผลงานอื่นๆที่หน่องถักเอาไว้ในช่วงนั้นด้วย จนถึงกับมีหลายๆคนมาขอวิชากับหน่องด้วยซึ่งหน่องก็เต็มใจสอนพยาบาลทุกคนเลย :)
ผมเองรู้สึกดีนะที่เห็นหน่องมีความสุข ได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง
อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ...........................
หน่องมีอายุครรภ์ที่ 36 สัปดาห์แล้ว ผมก็อยากเอาใจภรรยาที่ขณะนี้ท้องใหญ่มากทีเดียว ผมเลยลองไปติดต่อคุณเปิ้ล ช่างตัดผมที่หน่องเป็นลูกค้าประจำดู เพราะผมเห็นแล้วว่าหน่องบ่นว่าตัวเองผมเผ้ารุงรัง ไม่มีโอกาสแม้จะได้ไปตัดผม แถมยังมีความเชื่อที่ว่า หลังคลอดห้ามสระผมเป็นเวลา 1 เดือนอีกต่างหาก เรียกได้ว่าคงอีกนานกว่าจะได้ตัดผมให้เข้ารูปเข้ารอย
ผมเลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าอยากให้คุณเปิ้ลมาตัดผมให้หน่องที่ศิริราชเลย หน่องคงจะดีใจแน่ๆเลย โดยที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเปิ้ลจะโอเคหรือเปล่า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจไปหาคุณเปิ้ลถึงที่ร้านเลยเพื่อที่จะพูดคุยและถามถึงความเป็นไปได้ที่คุณเปิ้ลจะมาตัดผมนอกสถานที่ให้ คือในใจผมคิดว่าถ้าจะต้องจ่ายมากกว่าปกติผมก็เต็มใจอยู่แล้ว แต่พอคุณเปิ้ลได้ยินเรื่องราวที่หน่องอยู่ศิริราชแบบนี้
เปิ้ลไปได้ค่ะ คุณเปิ้ลตอบแบบนิ่งๆ
แต่เปิ้ลแค่อยากมาเยี่ยมคุณหน่อง ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ต้องมาพูดเรื่องเงินหรอกค่ะ คุณเปิ้ลตอบทันที แบบเต็มใจ
คุณเปิ้ลมีรถและปกติจะขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง ทีแรกผมก็เป็นห่วงอยู่ว่าคุณเปิ้ลจะมาถูกไหมเพราะไม่เคยมา รถก็ติด แถมพอมาถึงแล้วก็ต้องเสียเวลาไปหาที่จอดรถอีก ซึ่งมันเป็นอุปสรรคของการเดินทางมาที่ศิริราชจริงๆ แต่คุณเปิ้ลแก้ปัญหาด้วยการนั่ง Taxi จาก Central ปิ่นเกล้ามาเลยและมาได้ตรงเวลาตามที่นัดไว้เป๊ะมากๆ
และคุณเปิ้ลก็ได้มาตัดผมให้หน่องจริงๆ เป็น Surprise ที่ผมไม่ได้บอกหน่องก่อนด้วย หน่องทั้งแปลกใจและดีใจใหญ่เลย คุณเปิ้ลมาพร้อมกับอุปกรณ์การตัดผม ผ้าคลุมตัดผม จัดมาครบเลย มาแบบมือโปรจริงๆ แต่การตัดผมแบบนี้คงตัดบนเตียงไม่ได้แน่นอน ผมเลยค่อยๆพยุงหน่องมานั่งที่เก้าอี้เพื่อให้ตัดผมได้ง่ายขึ้น และการมาของคุณเปิ้ลก็ทำให้พยาบาลฮือฮาไปด้วยว่ามีช่างตัดผมมาตัดผมให้คนไข้ถึงในโรงพยาบาล :)
สิ่งที่ผมทำไปเพียงแค่ต้องการให้หน่องมีความสุข ไม่มีอะไรลึกซึ้งมากไปกว่านี้ ผมคิดแต่ว่าอะไรที่ผมสามารถทำให้หน่องมีความสุขได้ สร้างรอยยิ้มหน่องได้ผมก็พร้อมทำเสมอ โดยที่ผมไม่รู้เลยจริงๆว่า เพียงสองวันหลังจากที่ตัดผมไป วันนั้นเป็นวันที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 37 ของหน่องพอดิบพอดี มันจะเป็นวันที่เราทั้งคู่รอคอยมาถึงแล้ว การรอคอยของเราสิ้นสุดลงแล้วครับ