เรากับสามีแต่งงานกันมาได้ 3 ปี เรา 40 ปี สามี 43 ปี ตอนนี้เราตั้งครรภ์ได้ 34 สัปดาห์ เป็นท้องแรก ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา สามีเป็นคนเอาการเอางาน เข้าขั้นบ้างาน เราเอาอกเอาใจสามีเสมอมา ไม่เคยระแวงสามี และไม่เคยพบปัญหานอกใจแต่อย่างใด
จนกระทั่ง พ.ค.57 สามีไปรับงานก่อสร้างห้างแห่งหนึ่งที่อีสาน (สามีเปิดบริษัทรับเหมา) งานก่อสร้างดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่ง ธ.ค. 57 หน้างานเกิดปัญหาคนงานจำนวนมากลาออก พนักงานทุจริต ฯลฯ สามีจึงต้องไปประจำการที่นั่นด้วยตัวเอง ตั้งแต่ ม.ค.58 สามีเริ่มไม่ค่อยกลับบ้านที่ กทม. เดือนละครั้ง บางทีก็สองเดือนครั้งกลับมาที และมาอยู่แปปๆ คืนสองคืนเพื่อเคลียร์เอกสารที่ กทม. แล้วก็กลับไป เราตั้งท้องอย่างเดียวดาย ตั้งแต่ท้องอ่อนๆ แพ้ท้องด้วย อยู่คนเดียวในอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น (นอนชั้น 4) แต่ก็เข้าใจว่าสามีทำงานและหน้างานมีปัญหาสาหัส
จนกระทั่งเราท้องแก่ คุณแม่ไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว จึงให้เราย้ายมานอนที่บ้านคุณแม่ และคุณแม่ก็ดูแลเราเป็นอย่างดี
เม.ย.58 สามีก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ไม่ค่อยกลับบ้าน ก็เริ่มกลับบ่อยขึ้น อยู่นานขึ้น อ้างว่าคิดถึงเรากับลูก แต่จริงๆ แล้วทุกครั้งที่กลับมา เขามาเพื่อจัดการสะสางเรื่องงานตัวเองที่ออฟฟิสใน กทม. เท่านั้น ไม่ค่อยได้อะไรกับเราสักเท่าไร แต่เราก็ยังคงเอาอกเอาใจสามีเหมือนเดิม แถมยังมากขึ้นอีกเพราะเห็นสามีบ่นว่าอาหารการกินที่นั่นไม่ดี
ช่วงสงกรานต์ สามีบ่นว่าหน้างานมีปัญหาอีกแล้ว เก็บเงินไม่ได้ เจ้าของโครงการช๊อต จึงขอยืมเงินเราก่อน เราสงสารที่สามีขาดสภาพคล่อง จึงให้ยืมไป 2 ลบ. (เป็นเงินที่เราออมไว้ได้นานระยะนึง กะว่าพอมีหุ้นกู้ดอกดีๆ ก็จะถอนมาซื้อ)
พ.ค. 58 เหตุการณ์ก็ทำนองเดียวกับ เม.ย. 58 แต่ยืมเงินจำนวนน้อยลง
เช้าวันนี้ 4 มิ.ย.58 เสียงไลน์ดังขึ้น เราคว้าไอโฟนมา แต่ดันคว้าผิดเครื่องไปคว้าเครื่องของสามี เราก็เอามาอ่าน ปรากฏว่าเป็นไงน์คุยกันระหว่างสามีและ ญ. คนนึ่ง เราก็ถามสามีว่าใครเหรอ สามีตอบว่ารุ่นน้องที่พระจอมเกล้า เราก็ถามว่า อ่านได้ไหม (ปกติไม่เคยอ่าน ไม่สนใจด้วย แต่วันนี้ข้อความต่างๆ น่าอ่านมาก) สามีหน้าเจื่อนๆ ตอบว่าอ่านได้ ไม่มีความลับอะไรอยู่แล้ว เราก็อ่านต่อหน้าสามีนั่นแหละ
ข้อความทั้งหมดที่สองคนนี้คุยกัน จับใจความได้ว่า ญ. ไม่ใช่รุ่นน้อง แต่เป็นเซลส์ที่ขายอลูมิเนียมให้บริษัทสามี และทั้งสองคุยกันมาระยะนึงแล้ว ตั้งแต่ มี.ค.58 ข้อความมีเนื้อหาโดยสังเขป ดังนี้
1. good morning กันทุกเช้า และ good night กันทุกคืน ประมาณ 5ทุ่ม-เที่ยงคืน, สามีส่ง sticker "รูปหัวใจ"ให้ฝ่าย ญ. บ่อยๆ
2. ช่วงกลางวัน รายงานตัวซึ่งกันและกันว่าตนทำอะไร ที่ไหน ยังไง และฝ่าย ญ. มักแสดงอาหารเป็นห่วง โดยส่ง sticker ว่า "เป็นห่วง"
3. โทรผ่านไลน์หากันสม่ำเสมอ และหากฝ่ายใดไม่รับ อีกฝ่ายจะต่อว่าทำนองน้อยใจ
4. ฝ่าย ญ. ดูจะสนใจประวัติสามีเรา ซักถามสามีเราว่า เป็นคนที่ไหน, เกิด พ.ศ. อะไร, มีแฟนยัง, มีลูกยัง, แฟนทำอาชีพอะไร, แฟนสวยไหม ขาวไหม หมวยไหม, และขอดูรูปสามีเรา, ขอเจอตัวสามีเรา สามีเราไม่ค่อยตอบอะไรมากเกี่ยวกับเรา แต่พอ ญ. ถามย้ำ สามีก็ตอบแบบสั้นๆ ว่ามีแฟนแล้ว กำลังท้องลูกชาย และบอกว่าเรามีอาชีพเป็นแม่ค้า (เดี๋ยวอ่านที่ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะว่าเราทำอาชีพอะไร)
ฝ่าย ญ. ถามว่า แล้วพี่ ญ (หมายถึงเรา) จะไม่ว่าเอาเหรอที่ทั้งสองคุยกัน สามีตอบว่า ไม่ว่า (ทั้งที่เรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนนั้น)
5. ฝ่าย ญ. ชวนสามีเราไปเที่ยวหัวหิน ส่วนสามีเราก็ชวน ญ. มาเที่ยวอีสาน จังหวัดที่เขากำลังทำงานอยู่
ยังพบอีกว่าทั้งสองเจอกันแล้ว ไปทานอาหารทะลกันที่บางขุนเทียน และดูฝ่าย ญ. จะกังวลว่าสามีจะชอบเธอไหม เพราะเธอดำ แต่เธอสัญญาว่าจะไปทำขาวให้ได้ และสามีมักจะซื้อของฝากมาให้ ญ. และแวะไปหา ญ คนนั้นอยู่บ้างระหว่างเดินทางจากอีสานกลับมา กทม.
ข้อความในไลน์เล่าเรื่องทุกอย่างได้ละเอียดเป็นอย่างดี
เราอ่านจบ (ยาวมาก แต่อ่านเร็วๆ) ก็คืนไอโฟนไป และถามสามีว่าทำอย่างนี้จะดีเหรอ? เราเองท้องแก่จะคลอดแล้ว สามีตอบว่า ไม่มีอะไร แค่คุยขำๆ (ทั้งที่ข้อความที่คุยกันหวานหยด หวานกว่าสมัยที่สามีคุยจีบกับเราใหม่ๆ ซะอีก)
ข้อมูลเพิ่มเติม เรามีอาชีพส่วนตัวคือประกอบวิชาชีพอิสระ และช่วยงานสามีจิปาถะอยู่เบื้องหลังไปด้วย แต่สามีไม่ให้ออกหน้า งานด้านสำคัญๆ เช่น จัดซื้อ การเงิน สามีคุมหมด แต่เราก็ไม่ได้แคร์อะไรกับตรงนี้มากนักเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ภรรยาต้องปรนนิบัติสามี และสามีก็ไม่ได้เลี้ยงเรา ไม่เคยให้เงินใช้ เราใช้เงินที่เราหามาเอง แต่มีคำถามเล็กๆ ผุดขึ้นมาว่า แล้วหน้าที่สามีล่ะ? เราไม่เห็นเขาทำอะไรในฐานะว่าที่พ่อของลูกเลย ไม่ค่อยจะถามด้วยซ้ำไปว่า น้องดิ้นไหม เราไปพบแพทย์ตรวจครรภ์มาหมอว่าไง แม้แต่ตอนไปซาวด์ดูเพศน้อง สามีก็อ้างว่าติดงานมาไม่ได้ ฯลฯ
เราควรเริ่มจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดีในเมื่อสามีก็บอกว่าไม่มีอะไร และเราเองก็ท้องแก่ ไปไหนไม่สะดวกแล้ว ดูแลน้องในท้อง เตรียมตัว เตรียมใจกับประสบการณ์การเป็นแม่ครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นและกลัว
สงสัยว่าสามีน่าจะมีภรรยาน้อย ควรเริ่มต้นจัดการอย่างไรดี
จนกระทั่ง พ.ค.57 สามีไปรับงานก่อสร้างห้างแห่งหนึ่งที่อีสาน (สามีเปิดบริษัทรับเหมา) งานก่อสร้างดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่ง ธ.ค. 57 หน้างานเกิดปัญหาคนงานจำนวนมากลาออก พนักงานทุจริต ฯลฯ สามีจึงต้องไปประจำการที่นั่นด้วยตัวเอง ตั้งแต่ ม.ค.58 สามีเริ่มไม่ค่อยกลับบ้านที่ กทม. เดือนละครั้ง บางทีก็สองเดือนครั้งกลับมาที และมาอยู่แปปๆ คืนสองคืนเพื่อเคลียร์เอกสารที่ กทม. แล้วก็กลับไป เราตั้งท้องอย่างเดียวดาย ตั้งแต่ท้องอ่อนๆ แพ้ท้องด้วย อยู่คนเดียวในอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น (นอนชั้น 4) แต่ก็เข้าใจว่าสามีทำงานและหน้างานมีปัญหาสาหัส
จนกระทั่งเราท้องแก่ คุณแม่ไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว จึงให้เราย้ายมานอนที่บ้านคุณแม่ และคุณแม่ก็ดูแลเราเป็นอย่างดี
เม.ย.58 สามีก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ไม่ค่อยกลับบ้าน ก็เริ่มกลับบ่อยขึ้น อยู่นานขึ้น อ้างว่าคิดถึงเรากับลูก แต่จริงๆ แล้วทุกครั้งที่กลับมา เขามาเพื่อจัดการสะสางเรื่องงานตัวเองที่ออฟฟิสใน กทม. เท่านั้น ไม่ค่อยได้อะไรกับเราสักเท่าไร แต่เราก็ยังคงเอาอกเอาใจสามีเหมือนเดิม แถมยังมากขึ้นอีกเพราะเห็นสามีบ่นว่าอาหารการกินที่นั่นไม่ดี
ช่วงสงกรานต์ สามีบ่นว่าหน้างานมีปัญหาอีกแล้ว เก็บเงินไม่ได้ เจ้าของโครงการช๊อต จึงขอยืมเงินเราก่อน เราสงสารที่สามีขาดสภาพคล่อง จึงให้ยืมไป 2 ลบ. (เป็นเงินที่เราออมไว้ได้นานระยะนึง กะว่าพอมีหุ้นกู้ดอกดีๆ ก็จะถอนมาซื้อ)
พ.ค. 58 เหตุการณ์ก็ทำนองเดียวกับ เม.ย. 58 แต่ยืมเงินจำนวนน้อยลง
เช้าวันนี้ 4 มิ.ย.58 เสียงไลน์ดังขึ้น เราคว้าไอโฟนมา แต่ดันคว้าผิดเครื่องไปคว้าเครื่องของสามี เราก็เอามาอ่าน ปรากฏว่าเป็นไงน์คุยกันระหว่างสามีและ ญ. คนนึ่ง เราก็ถามสามีว่าใครเหรอ สามีตอบว่ารุ่นน้องที่พระจอมเกล้า เราก็ถามว่า อ่านได้ไหม (ปกติไม่เคยอ่าน ไม่สนใจด้วย แต่วันนี้ข้อความต่างๆ น่าอ่านมาก) สามีหน้าเจื่อนๆ ตอบว่าอ่านได้ ไม่มีความลับอะไรอยู่แล้ว เราก็อ่านต่อหน้าสามีนั่นแหละ
ข้อความทั้งหมดที่สองคนนี้คุยกัน จับใจความได้ว่า ญ. ไม่ใช่รุ่นน้อง แต่เป็นเซลส์ที่ขายอลูมิเนียมให้บริษัทสามี และทั้งสองคุยกันมาระยะนึงแล้ว ตั้งแต่ มี.ค.58 ข้อความมีเนื้อหาโดยสังเขป ดังนี้
1. good morning กันทุกเช้า และ good night กันทุกคืน ประมาณ 5ทุ่ม-เที่ยงคืน, สามีส่ง sticker "รูปหัวใจ"ให้ฝ่าย ญ. บ่อยๆ
2. ช่วงกลางวัน รายงานตัวซึ่งกันและกันว่าตนทำอะไร ที่ไหน ยังไง และฝ่าย ญ. มักแสดงอาหารเป็นห่วง โดยส่ง sticker ว่า "เป็นห่วง"
3. โทรผ่านไลน์หากันสม่ำเสมอ และหากฝ่ายใดไม่รับ อีกฝ่ายจะต่อว่าทำนองน้อยใจ
4. ฝ่าย ญ. ดูจะสนใจประวัติสามีเรา ซักถามสามีเราว่า เป็นคนที่ไหน, เกิด พ.ศ. อะไร, มีแฟนยัง, มีลูกยัง, แฟนทำอาชีพอะไร, แฟนสวยไหม ขาวไหม หมวยไหม, และขอดูรูปสามีเรา, ขอเจอตัวสามีเรา สามีเราไม่ค่อยตอบอะไรมากเกี่ยวกับเรา แต่พอ ญ. ถามย้ำ สามีก็ตอบแบบสั้นๆ ว่ามีแฟนแล้ว กำลังท้องลูกชาย และบอกว่าเรามีอาชีพเป็นแม่ค้า (เดี๋ยวอ่านที่ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะว่าเราทำอาชีพอะไร)
ฝ่าย ญ. ถามว่า แล้วพี่ ญ (หมายถึงเรา) จะไม่ว่าเอาเหรอที่ทั้งสองคุยกัน สามีตอบว่า ไม่ว่า (ทั้งที่เรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนนั้น)
5. ฝ่าย ญ. ชวนสามีเราไปเที่ยวหัวหิน ส่วนสามีเราก็ชวน ญ. มาเที่ยวอีสาน จังหวัดที่เขากำลังทำงานอยู่
ยังพบอีกว่าทั้งสองเจอกันแล้ว ไปทานอาหารทะลกันที่บางขุนเทียน และดูฝ่าย ญ. จะกังวลว่าสามีจะชอบเธอไหม เพราะเธอดำ แต่เธอสัญญาว่าจะไปทำขาวให้ได้ และสามีมักจะซื้อของฝากมาให้ ญ. และแวะไปหา ญ คนนั้นอยู่บ้างระหว่างเดินทางจากอีสานกลับมา กทม.
ข้อความในไลน์เล่าเรื่องทุกอย่างได้ละเอียดเป็นอย่างดี
เราอ่านจบ (ยาวมาก แต่อ่านเร็วๆ) ก็คืนไอโฟนไป และถามสามีว่าทำอย่างนี้จะดีเหรอ? เราเองท้องแก่จะคลอดแล้ว สามีตอบว่า ไม่มีอะไร แค่คุยขำๆ (ทั้งที่ข้อความที่คุยกันหวานหยด หวานกว่าสมัยที่สามีคุยจีบกับเราใหม่ๆ ซะอีก)
ข้อมูลเพิ่มเติม เรามีอาชีพส่วนตัวคือประกอบวิชาชีพอิสระ และช่วยงานสามีจิปาถะอยู่เบื้องหลังไปด้วย แต่สามีไม่ให้ออกหน้า งานด้านสำคัญๆ เช่น จัดซื้อ การเงิน สามีคุมหมด แต่เราก็ไม่ได้แคร์อะไรกับตรงนี้มากนักเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ภรรยาต้องปรนนิบัติสามี และสามีก็ไม่ได้เลี้ยงเรา ไม่เคยให้เงินใช้ เราใช้เงินที่เราหามาเอง แต่มีคำถามเล็กๆ ผุดขึ้นมาว่า แล้วหน้าที่สามีล่ะ? เราไม่เห็นเขาทำอะไรในฐานะว่าที่พ่อของลูกเลย ไม่ค่อยจะถามด้วยซ้ำไปว่า น้องดิ้นไหม เราไปพบแพทย์ตรวจครรภ์มาหมอว่าไง แม้แต่ตอนไปซาวด์ดูเพศน้อง สามีก็อ้างว่าติดงานมาไม่ได้ ฯลฯ
เราควรเริ่มจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดีในเมื่อสามีก็บอกว่าไม่มีอะไร และเราเองก็ท้องแก่ ไปไหนไม่สะดวกแล้ว ดูแลน้องในท้อง เตรียมตัว เตรียมใจกับประสบการณ์การเป็นแม่ครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นและกลัว